เด็ก 2 ขวบ ตัวโตขนาดไหน พัฒนาการเด็ก 2 ขวบ เป็นอย่างไร

Enfa สรุปให้

• เด็ก 2 ขวบ เป็นวัยที่พัฒนาการสมบูรณ์รอบด้าน เด็กวัยนี้จึงพร้อมสำหรับการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย อยากรู้อยากเห็นโลกกว้างมากขึ้น จึงเป็นที่มาว่าทำไมลูกวัย 2 ขวบ ถึงได้ซนเหลือเกิน
• พัฒนาการเด็ก 2 ขวบที่สำคัญ ๆ เช่น สามารถเดินและวิ่งได้เองโดยไม่ต้องคอยช่วย สามารถพูดเป็นคำ 2-3 คำ หรือประโยคสั้น ๆ ได้ เริ่มเลียนแบบท่าทางต่าง ๆ จดจำชื่อและสิ่งของต่าง ๆ ได้
• เด็ก 2 ขวบ เป็นวัยที่ชอบการเลียนแบบและจดจำสิ่งรอบตัวได้ดี การปลูกฝังหรือแสดงแบบอย่างใด ๆ กับลูกในช่วงนี้จึงถือว่าสำคัญมาก พ่อแม่จึงควรระมัดระวังการแสดงออก และหมั่นเป็นแบบอย่างที่ดีต่อหน้าลูกเสมอ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

     • เด็ก 2 ขวบ สูงเท่าไหร่ น้ำหนักเด็ก 2 ขวบ เป็นอย่างไร
     • พัฒนาการเด็ก 2 ขวบ เป็นอย่างไร
     • ลูก 2 ขวบควรสอนอะไรบ้าง
     • ตารางสอนลูก 2 ขวบ เป็นอย่างไร
     • ประเมินพัฒนาการ 2 ขวบ พิจารณาจากอะไรบ้าง
     • โภชนาการเด็ก 2 ขวบ ควรเป็นอย่างไร
     • ไขข้อข้องใจเรื่องพัฒนาเด็ก 2 ขวบ กับ Enfa Smart Club

ใคร ๆ ก็บอกว่าเด็ก 2 ขวบนั้นซนมาก ละสายตาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว หนึ่งวัน พันกว่าเรื่อง เป็นวัยจิ๋วสุดแจ๋วตัวป่วนที่นำมาซึ่งอาการหัวจะปวดให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้ทุกวันและทุกเวลา แต่นอกจากความป่วนของเด็ก 2 ขวบแล้ว พัฒนาการเด็ก 2 ขวบเป็นอย่างไรบ้าง คุณพ่อคุณแม่จะช่วยดูแลและเสริมพัฒนาการลูกน้อยวัย 2 ขวบได้อย่างไรบ้างนะ

เด็ก 2 ขวบ ตัวโตขนาดไหน น้ำหนักเด็ก 2 ขวบ เป็นอย่างไร

2 ขวบ ถือว่าเป็นช่วงวัยที่ลูกน้อยเข้าสู่ห้วงเวลาของความซุกซน เนื่องจากมีพัฒนาการที่เติบโตขึ้นรอบด้าน กินมากขึ้น เล่นมากขึ้น สนุกมากขึ้น และก็ซนมากขึ้นตามประสาเด็กสองขวบ

โดยเด็กอายุ 2 ขวบ จะมีส่วนสูงโดยเฉลี่ยสำหรับเด็กไทยวัยนี้ คือ

• เด็กผู้ชายอายุ 2 ขวบ ส่วนสูงตามเกณฑ์ปกติ คือ 82.5 - 91.5 เซนติเมตร
• เด็กผู้หญิงอายุ 2 ขวบ ส่วนสูงตามเกณฑ์ปกติ คือ 80.8 - 89.9 เซนติเมตร

เด็ก 2 ขวบน้ำหนักเฉลี่ยที่ควรจะเป็นสำหรับเด็กไทยในวัยนี้ คือ

• เด็กผู้ชายอายุ 2 ขวบ น้ำหนักตามเกณฑ์ปกติ คือ 10.5 - 14.4 กิโลกรัม
• เด็กผู้หญิงอายุ 2 ขวบ น้ำหนักตามเกณฑ์ปกติ คือ 9.7 - 13.7 กิโลกรัม

พัฒนาการเด็ก 2 ขวบ เป็นอย่างไร

เด็กวัย 2 ขวบนี้ มีพัฒนาการด้านต่าง ๆ ที่ก้าวกระโดดมาก โดยกลุ่มพัฒนาการ 2 ขวบที่สำคัญ ๆ ได้แก่

• พัฒนาการด้านร่างกาย

เด็ก 2 ขวบ มีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น สามารถเดินได้ระยะไกลขึ้น สามารถปีนป่ายขึ้นที่สูงได้คล่องตัวมากขึ้นโดยไม่ต้องคอยช่วย สามารถหยิบจับสิ่งของถือเอาไว้กับตัวในขณะที่เดินได้ ขว้างปาวัตถุได้ตรงเป้าหมาย เริ่มวิ่งได้คล่องตัวมากขึ้น

หากคุณพ่อคุณแม่พาเด็ก 2 ขวบทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นประจำ หรือพาไปเล่นนอกบ้านบ่อย ๆ ก็จะช่วยกระตุ้นทักษะความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และเสริมการเคลื่อนไหวของลูกน้อยได้ดีมากขึ้นไปอีกค่ะ

• พัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสาร

เด็ก 2 ขวบสามารถที่จะ:

• จำชื่อของพ่อแม่ พี่น้อง หรือคนรอบข้างที่อยู่ใกล้ชิด หรือพบปะเป็นประจำได้
• สามารถทำตามคำสั่งแบบง่าย ๆ ที่ไม่ซับซ้อนได้ เช่น ยืนขึ้น นั่งลง หยิบของเล่นให้แม่หน่อย เป็นต้น
• สามารถพูดคำซ้ำ ๆ ที่ได้ยินบ่อย ๆ ได้
• สามารถพูดเป็นประโยคสั้น ๆ 3-4 คำได้ เช่น หนูหิวข้าว แม่ไปไหน  
• สามารถชี้ไปยังสิ่งต่าง ๆ ตามคำบอกได้ บอกให้ลูกชี้ไปที่นก ลูกก็สามารถชี้นิ้วไปยังนกได้ถูกต้อง

เด็ก 2 ขวบ แม้จะยังพูดเป็นประโยคยาว ๆ ไม่ได้ แต่สามารถที่จะเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น แม้จะยังสื่อสารออกมาไม่คล่องก็ตาม  

คุณพ่อคุณแม่ควรพาเด็ก 2 ขวบ อ่านหนังสือเป็นประจำ เล่านิทานให้ฟังบ่อย ๆ พูดคุยกับลูกให้มาก ๆ เพื่อเป็นการเพิ่มคลังคำศัพท์ให้กับลูกน้อย และช่วยช่วยกระตุ้นทักษะด้านภาษาและการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ

• พัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม

เด็ก 2 ขวบสามารถที่จะ:

• เลียนแบบท่าทางต่าง ๆ ทั้งที่จำมาจากสัตว์เลี้ยง หรือจำมาจากคุณพ่อคุณแม่ และคนในครอบครัวทำให้เห็นบ่อย ๆ
• เมื่อเด็ก 2 ขวบจะรู้สึกตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ เมื่อได้อยู่รวมกับเด็กคนอื่น ๆ
• มักทำในสิ่งตรงกันข้าม เช่น บอกว่าอย่าจับ ก็จะจับทันที บอกว่าอย่าเอาเข้าปาก เด็กก็จะหยิบเข้าปากทันที
• กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว ไม่ชอบถูกปล่อยให้อยู่คนเดียว
• เวลาเล่น มักจะชอบเล่นคนเดียว ไม่สนใจคนอื่น ๆ แต่ถ้าถูกแย่งของเล่นไปเมื่อไหร่ จะมีปฏิกิริยาตอบกลับทันที

เด็ก 2 ขวบ จะยังไม่เข้าใจความสำคัญของการแบ่งปัน ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องมีเพื่อน ไม่รู้ว่าทำไมต้องถูกห้ามไม่ให้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้  

แต่...เด็ก 2 ขวบเป็นวัยที่ชอบเลียนแบบค่ะ หากคุณพ่อคุณแม่เป็นแบบอย่างที่ดี ทำให้ลูกเห็นซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ลูกก็จะจดจำและทำตามไปเอง ถือเป็นห้วงเวลาสำคัญมากของการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเจ้าตัวเล็กค่ะ

• พัฒนาการด้านสมองและการเรียนรู้

เด็ก 2 ขวบสามารถที่จะ:

• รู้จักรูปร่างและสีต่าง ๆ  
• สามารถหาสิ่งของที่ถูกซ่อนอยู่จนพบได้
• สามารถต่อตัวต่อด้วยตนเองเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้
• ปฏิบัติตามคำสั่งแบบง่าย ๆ ได้ เช่น นั่งตรงนี้ เล่นแบบนี้นะ เป็นต้น

เด็ก 2 ขวบ เข้าใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากขึ้น สามารถแก้ปัญหาเล็กน้อยได้ด้วยตนเอง เช่น ต่อตัวต่อด้วยตัวเอง เล่นของเล่นคนเดียว หาของเล่นที่ถูกซ่อนไว้ได้

คุณพ่อคุณแม่จึงควรเสริมทักษะที่ซับซ้อนมากขึ้นให้กับลูก เพื่อให้สมองของลูกได้ทำงานและเกิดการพัฒนา เช่น ซ่อนของเล่นในจุดที่ยากขึ้นเล็กน้อย ฝึกนับเลขจำนวนมากขึ้น เรียนรู้เรื่องสีที่หลากหลายขึ้น

ลูก 2 ขวบควรสอนอะไรบ้าง

เด็ก 2 ขวบ ยังไม่จำเป็นต้องได้รับการสั่งสอนด้านวิชาการแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกินสำหรับเด็กในวัยนี้ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนและปลูกฝังให้กับเด็ก 2 ขวบได้ ควรจะเป็นทักษะสำคัญที่จำเป็นกับเด็ก ๆ ดังนี้

• สอนให้ลูกกินข้าวเอง ไม่ต้องคอยป้อนอีกต่อไป ฝึกให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตัวเอง สามารถกินข้าวได้เอง
• สร้างนิสัยการอ่านที่ดี อ่านหนังสือให้ลูกฟังเป็นประจำ หรือพาลูกอ่านนิทานด้วยกันทุกวัน เพื่อเสริมทักษะด้านภาษาและการสื่อสาร เพิ่มคลังคำศัพท์ และยังกระตุ้นทักษะสมองให้ทำงานดีขึ้นด้วย
• สอนให้ลูกรู้จักลักษณะกายภาพต่าง ๆ รูปสี่เหลี่ยมเป็นอย่างไร วงกลมคือแบบไหน สิ่งไหนคือสีฟ้า แตงกวาคืออะไร แคร์รอตเป็นแบบไหน เพิ่มเสริมทักษะด้านการจดจำ การรู้จักตนเองและสิ่งต่าง ๆ
• สอนให้ลูกทำทุกอย่างเป็นกิจวัตร ตื่นนอนตรงเวลา กินอาหารตรงเวลา เข้านอนตรงเวลา นอกจากจะช่วยให้ลูกรู้หน้าที่และมีวินัยแล้ว ยังช่วยให้นาฬิกาชีวภาพของลูกทำงานปกติ พักผ่อนอย่างเพียงพอ มีร่างกายแข็งแรง สมองปลอดโปร่ง
• พูดกับลูกบ่อย ๆ เพื่อกระตุ้นทักษะด้านการสื่อสาร สอนให้เด็กรู้จักชื่อตนเอง รู้จักชื่อคนในครอบครัว รู้จักสิ่งต่าง ๆ รอบตัวว่าคืออะไร  
• ฝึกลูกนับตัวเลขบ่อย ๆ เพื่อเสริมทักษะด้านการจดจำ และเสริมทักษะด้านการคิดของสมองให้ดีขึ้น

ตารางสอนลูก 2 ขวบ เป็นอย่างไร

เด็ก 2 ขวบ ยังเล็กเกินกว่าที่คุณพ่อคุณแม่จะมาสอนเรื่องวิชาการ หรือสอนเรื่องยาก ๆ ที่มีความซับซ้อน เด็กก็คือเด็กค่ะ สำหรับเด็กเล็กนั้น การเรียนก็คือการเล่น การเล่นก็คือการเรียน ดังนั้น กิจกรรมในแต่ละวันของลูก จึงควรจะเน้นไปที่การเล่นให้สนุก กินให้อิ่ม นอนหลับให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่สมวัยและครบทุกด้านแล้วค่ะ

โดยตารางสอนลูก 2 ขวบในหนึ่งวัน ควรจะเป็นดังนี้

• 07:00 – 08:00 น. ตื่นนอน  
• 08:00 - 8:30 น. อาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน
• 08:30 – 09:00 น. กินอาหารเช้า
• 09:00 – 10:30 น. เล่นเกม เล่นของเล่น หรือทำกิจกรรมสนุก ๆ กับพ่อแม่
• 10:30 – 11:30 น. พาลูกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกบ้าง
• 11:30 – 12:00 น. พักผ่อน พูดคุยกัน  
• 12:00 – 13:00 น. กินอาหารเที่ยง พักผ่อน
• 13:00 – 15:00 น. นอนกลางวันให้เต็มอิ่ม
• 15:00 – 15:30 น. กินของว่าง
• 15:30 – 17:30 น. เล่นของเล่น หรือวิ่งเล่นไล่จับ ทำกิจกรรมตามใจชอบ
• 17:30 – 18:00 น. อาบน้ำเย็น
• 18:00 – 18:30 น. กินอาหารเย็น
• 18:30 – 19:30 น. ดูการ์ตูน อ่านหนังสือ เล่านิทาน
• 19:30 น. เข้านอน

คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกเล่นหรือทำกิจกรรมอะไรก็ได้ในแต่ละวัน เน้นว่าให้ลูกได้เล่นสนุก และได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ผ่านการเล่นและการทำกิจกรรม โดยไม่จำเป็นต้องยัดเยียดบทเรียนทางวิชาการ หรือคอร์สต่าง ๆ เข้ามา

เด็ก 2 ขวบ ควรจะได้เล่นสนุก เล่นของเล่น เล่นดิน เล่นน้ำ ได้กลิ้ง ได้วิ่งเล่นจับ กิจกรรมง่าย ๆ เหล่านี้ จะช่วยสร้างความสุข และกระตุ้นทักษะเด็ก ๆ ไปพร้อม ๆ กันได้ค่ะ

ประเมินพัฒนาการ 2 ขวบ พิจารณาจากอะไรบ้าง

การประเมินพัฒนาการเด็ก 2 ขวบ เบื้องต้น ควรพิจารณาจากสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

• น้ำหนักและส่วนสูงต้องตรงตามเกณฑ์ปกติของเด็ก 2 ขวบ
• ทักษะด้านการพูด เด็ก 2 ขวบควรจะต้องพูดเป็นคำ ๆ หรือประโยคสั้น ๆ หรือคำซ้ำ ๆ ได้แล้ว หากยังไม่พูด อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติได้
• สามารถพูดชื่อตนเอง รู้จักชื่นตนเอง ชื่อคนในครอบครัว บอกชื่อสัตว์และสิ่งของต่าง ๆ ได้
• สามารถตักอาหารกินเองได้โดยไม่ต้องป้อน
• สามารถปีนป่าย เดิน วิ่งได้เอง โดยไม่ต้องคอยประคองช่วยเหลือ
• มีการตอบสนองต่อเสียงเมื่อถูกเรียกชื่อ มีปฏิกิริยาโต้ตอบเมื่อได้ยินเสียงเพลง
• สามารถปฏิบัติตามคำสั่งพื้นฐานง่าย ๆ ได้
• รู้จักวิธีการใช้งานสิ่งของต่าง ๆ โดยทั่วไปได้ เช่น ช้อนใช้กินข้าว หลอดใช้ดูดน้ำ
• สามารถเลียนแบบท่าทางหรือคำพูดได้

หากเด็ก 2 ขวบไม่มีพัฒนาการดังกล่าวเกิดขึ้นเลย คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับการบำบัดรักษาด้านพัฒนาการ เพราะเด็กอาจมีความเสี่ยงต่อพัฒนาการช้า หรือเกิดความผิดปกติบางประการ

โภชนาการเด็ก 2 ขวบ ควรเป็นอย่างไร

กับข้าวเด็ก 2 ขวบ ไม่ต้องเป็นเมนูที่พิสดารหรือใช้วัตถุดิบหายากอะไรเลยค่ะ ขอเน้นเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่เป็นอันใช้ได้

กับข้าวเด็ก 2 ขวบในแต่ละมื้อ ควรจะประกอบไปด้วยโปรตีนจากเนื้อสัตว์เพื่อช่วยในการสร้างมวลกล้ามเนื้อ และดีต่อการเจริญเติบโต ในทุกมื้อจะต้องมีผักและผลไม้ เพื่อให้ลูกได้รับวิตามินและแร่ธาตุสำคัญอย่างเพียงพอเพื่อช่วยให้ลูกแข็งแรง ดีต่อพัฒนาการที่สมวัย

งดหรือเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เช่น ลูกอม คุกกี้ หมากฝรั่ง ป๊อบคอร์น มาร์ชมาโลว์ เพราะเสี่ยงที่จะทำให้ลูกฟันผุ และเสี่ยงต่อโรคอ้วนในเด็ก

นมผงเด็ก 2 ขวบ จำเป็นไหม

ส่วนใหญ่แล้วเด็ก 2 ขวบ มักจะเริ่มหย่านมและเลิกกินนมแล้วทั้งนมแม่และนมชง การกินอาหารในแต่ละมื้อถือว่าเเพียงพอและเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของลูกน้อย

อย่างไรก็ตาม นมผงสำหรับเด็ก 2 ขวบ อาจยังจำเป็นในบางกรณี เช่น

• ลูกยังไม่ยอมหย่านม ยังชอบกินนมอยู่ ก็ยังสามารถให้ลูกกินนมผงเด็ก 2 ขวบต่อได้ แต่ควรกินเป็นมื้อเสริมจากอาหารมื้อหลัก 3 มื้อ
• ลูกไม่ค่อยกินข้าว หรือกินข้าวได้น้อย อาจทำให้ได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ การเสริมด้วยนมผงเด็ก 2 ขวบ ที่มีโปรตีนในปริมาณเหมาะสม จะช่วยให้ลูกเติบโตได้อย่างสมวัย
• ลูกแพ้นมวัว คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถเสริมด้วยนมผงเด็ก 2 ขวบได้ เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารจำเป็นอย่างโปรตีนและแคลเซียม ช่วยในการเจริญเติบโตและเสริมพัฒนาการ

ไขข้อข้องใจเรื่องพัฒนาเด็ก 2 ขวบ กับ Enfa Smart Club

  ลูก 2 ขวบ เอาแต่ใจ ร้องไห้  รับมือยังไงดี?

เด็ก 2 ขวบ ชอบเอาแต่ใจ เอะอะก็ร้องไห้ นี่อาจเป็นสัญญาณของวัยทองในเด็ก 2 ขวบ คุณพ่อคุณแม่สามารถรับมือได้ ดังนี้

• รีบปรับอารมณ์ลูกทันที หากลูกเริ่มร้อง ให้รีบตัดบทเข้าสู่โหมดตลก เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นทันที เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของลูก
• เพิกเฉย เมินไปก่อน ไม่เข้าไปโอ๋ ไม่ตรงปรี่เข้าไปอุ้มทันที รอจนกว่าจะหยุดร้องแล้วจึงเข้าไปพูดคุยด้วย
• สะท้อนอารมณ์ของลูก ถามลูกตรง ๆ ว่าหนูโกรธเหรอ โกรธเพราะอะไร เกิดอะไรขึ้น เพื่อให้เด็กตามทันอารมณ์ของตนเอง รู้ว่าตนเองรู้สึกอย่างไร และจะแก้ไขได้อย่างไร
• ไม่ดุ ไม่ตี เพราะจะยิ่งทำให้ลูกเริ่มต่อต้าน และแสดงอาการหนักขึ้นกว่าเดิม

  ลูกไม่กินข้าว 2 ขวบ ควรทำยังไงดี?

ลูก 2 ขวบไม่กินข้าว เกิดได้จากหลายสาเหตุ คุณพ่อคุณแม่จำเป็นจะต้องแก้ไปทีละขั้นอย่างใจเย็น เช่น  

• หากลูกไม่กินข้าวเพราะเบื่ออาหารที่คุณพ่อคุณแม่ทำ ก็ควรจะต้องเปลี่ยนเป็นเมนูที่ลูกชอบ หรือพัฒนาฝีมือให้อร่อยมากขึ้น หรือซื้อจากร้านที่อร่อยมาแทนในกรณีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่มีทักษะด้านการทำอาหารจริง ๆ
• หากลูกไม่กินข้าวเองสักที ก็ต้องเลิกป้อนข้าวลูก และฝึกให้ลูกกินข้าวเอง เพราะการตามป้อนข้าวให้ลูกตลอด ไม่ได้ช่วยให้ลูกอยากกินข้าวมากขึ้นแต่อย่างใด ควรใจแข็งและฝึกให้ลูกกินข้าวเองให้ได้
• ใช้ไม้แข็ง จับเวลาในการกินข้าว หากเลยกำหนดเวลาแล้วลูกไม่ยอมกินข้าว ให้เก็บทันที ห้ามใจอ่อน ห้ามให้ขนม และให้ลูกรอกินในมื้อถัดไป เด็กก็จะเริ่มเรียนรู้ว่าถ้าไม่กินข้าวตรงเวลา ก็จะหิว ไม่สบายตัว ไม่มีแรงไปวิ่งเล่น และจะยอมกินข้าวแต่โดยดีในครั้งถัดไป
• กินเป็นแบบอย่างให้ลูกเห็น อยากให้ลูกกินข้าว กินผัก กินผลไม้ พ่อกับแม่ก็ต้องกินให้ลูกเห็นด้วย สอนลูกอย่างไร ก็ต้องทำอย่างนั้น เพราะเด็กวัยนี้ชอบเลียนแบบพฤติกรรมอยู่แล้ว สามารถที่จะซึมซับจากพ่อแม่ได้ง่าย
• ปิดกั้นสิ่งล่อตาล่อใจ ไม่เปิดทีวี ไม่พกของเล่นไว้ใกล้ตัว เพื่อให้ลูกจดจ่อกับการกินข้าวเพียงอย่างเดียว

  เด็ก 2 ขวบไม่พูด ปกติไหม?  

หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตว่าลูกพูดช้า 2 ขวบ เด็ก 2 ขวบแล้วแต่ยังไม่ยอมพูด ให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที เพราะเด็ดกวัยนี้ควรจะต้องเริ่มพูดเป็นคำ ๆ ได้บ้างแล้ว

แต่ถ้ายังไม่พูดเลย ควรพาลูกไปเข้ารับการตรวจวินิจฉัยกับแพทย์ เพื่อดูว่าลูกแค่เพียงพูดช้าเป็นปกติ หรือมีความผิดปกติอื่น ๆ เช่น หูหนวก สติปัญญาบกพร่อง สมองผิดปกติ หรืออาจมีพัฒนาการทุกด้านช้าเหมือนกันหมด

 ลูก 2 ขวบตื่นกลางคืนบ่อยมาก ปกติไหม?

เด็ก 2 ขวบตื่นกลางดึกบ่อย ถือเป็นเรื่องปกติค่ะ และการตื่นกลางดึกของลูกก็เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

• ตื่นกลางดึกเพราะไม่สบาย
• ตื่นกลางดึกเพราะหิว
• ตื่นกลางดึกเพราะตกใจกลัว
• ตื่นกลางดึกเพราะฝันร้าย
• คุณพ่อคุณแม่ควรแก้ปัญหาตามสาเหตุอย่างตรงจุด เพื่อให้ลูกหลับสนิทได้ตลอดคืน ป้องกันปัญหาลูกนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ

  ลูกอุจจาระสีเทา 2 ขวบ อันตรายไหม?

อุจจาระสีเทา ส่วนมากมักเป็นสัญญาณสุขภาพที่เกี่ยวของกับตับ หรือตับอ่อน ดังนั้น หากสังเกตพบว่าเด็ก 2 ขวบ อุจจาระเป็นสีเทา คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม และรับการรักษาที่เหมาะสม ในกรณีที่ลูกมีปัญหาสุขภาพจริง ๆ

  ลูก 2 ขวบมีกลิ่นตัว ปกติไหม?

เด็ก 2 ขวบ มีกลิ่นตัว ถือเป็นเรื่องปกติค่ะ แต่จะต้องมาดูกันอีกทีว่ากลิ่นตัวของลูกนั้นเกิดจากอะไร

หากลูก 2 ขวบมีกลิ่นตัวเพราะเล่นจนเหงื่อออก แล้วไม่ชอบอาบน้ำ ไม่รักษาความสะอาดให้ดี การใส่ใจความสะอาดของลูกให้มากขึ้น สามารถช่วยแก้ปัญหากลิ่นตัวได้

หากลูก 2 ขวบมีกลิ่นตัวเพราะปัญหาเรื่องของฮอร์โมนในร่างกาย หรือเกิดขึ้นเพราะพันธุกรรม ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยร่างกายเพิ่มเติม และรับการรักษาที่เหมาะสม