
Enfa สรุปให้
เลือดล้างหน้าเด็ก เป็นอีกสัญญาณของการตั้งครรภ์ เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนบริเวณมดลูก ทำให้หลอดเลือดบริเวณมดลูกแตกออก และมีเลือดไหลออกมาทางช่องคลอด
เลือดล้างหน้าเด็ก จะเกิดขึ้นหลังจากเกิดการปฏิสนธิผ่านไปแล้วประมาณ 10 – 14 วัน หรือจะอยู่ในช่วงอายุครรภ์ประมาณ 4 สัปดาห์
เลือดล้างหน้าเด็กกับเลือดประจำเดือน จำแนกหาความแตกต่างกันได้ยาก เพราะมีลักษณะที่คล้ายกันมาก อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาของประจำเดือนจะมีมากกว่าเลือดล้างหน้าเด็ก อีกทั้งประจำเดือนยังมีปริมาณที่มากกว่า

เลือกอ่านตามหัวข้อ
รู้หรือไม่ว่าอาการคนท้องที่เราพบได้บ่อย ๆ นอกจากประจำเดือนขาดแล้ว ยังมีสัญญาณสำคัญอย่างการมีเลือดล้างหน้าเด็ก ที่มีความคล้ายกับประจำเดือนมาก และเป็นหนึ่งในสัญญาณแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ด้วยนะ แต่เลือดล้างหน้าเด็กคืออะไร และเกี่ยวอะไรกับการตั้งครรภ์ เรามาทำความรู้จักกับเลือดล้างหน้าเด็กไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
เลือดล้างหน้าเด็ก คือ เลือดที่เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนในเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นหลังจากการปฏิสนธิราว 10-14 วัน การฝังตัวที่มดลูกของตัวอ่อน จะทำให้หลอดเลือดเล็กๆ บริเวณมดลูกแตกออก และมีเลือดไหลออกมาทางช่องคลอดเล็กน้อย หรือมีตกขาวสีชมพูหรือสีน้ำตาล ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการคนท้องช่วงท้อง 1 สัปดาห์ที่พบได้ในคุณแม่บางคน
เลือดล้างหน้าเด็ก หรือ Implantation Bleeding ถือเป็นเรื่องปกติ และเป็นอาการเตือนคนเริ่มท้อง 1 สัปดาห์ - 4 สัปดาห์แรก ที่ทำให้คุณแม่บางคนสังเกตเห็นอาการตั้งครรภ์ได้ เลือดจะหยุดไหลไปเองตามธรรมชาติในเวลาไม่กี่วัน โดยซึ่งบางรายจะเริ่มรู้สึกคัดเต้าคนท้องหรือเวียนหัว คลื่นไส้ พะอืดพะอมร่วมด้วย
มากไปกว่านั้น ไม่ใช่ผู้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนที่จะมีเลือดล้างหน้าเด็ก หรือบางครั้งอาจไม่ทันได้สังเกตเห็นด้วยซ้ำว่ามีเลือดล้างหน้าเด็กไหลออกมา และเมื่อเข้าสู่ช่วงท้อง 4 สัปดาห์ ร่างกายจะเริ่มมีการสร้างฮอร์โมน hCG เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
มีเลือดล้างหน้าเด็ก ท้องไหม เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ปกติเราจะถือว่าการตั้งครรภ์เกิดขึ้นเมื่อมีการปฏิสนธิเกิดขึ้น และไข่ที่ปฏิสนธิแล้วได้เคลื่อนตัวจากท่อนำไข่ไปฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูก การมีเลือดล้างหน้าเด็ก มีมูกสีน้ำตาล เป็นสัญญาณของการฝังตัวของตัวอ่อนที่มดลูก จึงเรียกได้ว่าท้องหรือมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งในบางคนเมื่อทำการตรวจครรภ์ด้วยที่ตรวจครรภ์จะเริ่มเห็นที่ตรวจครรภ์ขึ้น 2 ขีด เป็นสัญญาณยืนยันได้
อาการตกขาวปนเลือดอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นคือ เลือดล้างหน้าเด็ก ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ โดยเกิดจากการที่ตัวอ่อนฝังตัวในผนังมดลูก ทำให้เส้นเลือดฝอยแตกและมีเลือดออกปนมากับตกขาว ซึ่งมักมีสีชมพูอ่อนหรือสีน้ำตาลจาง ๆ และหายไปภายใน 1–2 วัน
อย่างไรก็ตาม ตกขาวปนเลือดยังอาจเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมน การติดเชื้อในช่องคลอด หรือโรคทางนรีเวช จึงควรสังเกตลักษณะของตกขาวและอาการร่วม เช่น คัน มีกลิ่น หรือเจ็บท้องน้อย หากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
เมนไม่มา แต่มีคราบสีน้ำตาล หรือมีเลือดออกจากช่องคลอด แต่ไม่ใช่ประจำเดือนสีน้ำตาล ทำให้คุณผู้หญิงหลายคนเกิดความสงสัยว่า ลักษณะแบบนี้หมายถึงอะไร ตั้งครรภ์หรือไม่
ปกติแล้วภาวะประจำเดือนขาดแต่มีคราบสีน้ำตาลออกมาเล็กน้อย มักเกิดจากเลือดเก่าที่ค้างอยู่ในโพรงมดลูกและถูกขับออกมา หรือในบางกรณีอาจเป็นเลือดฝังตัวในช่วงเริ่มตั้งครรภ์ได้เช่นกัน หากคราบสีน้ำตาลมีปริมาณน้อยและหายไปภายในไม่กี่วันมักไม่อันตราย แต่ถ้าเลือดออกต่อเนื่องหรือมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย ควรตรวจครรภ์หรือปรึกษาแพทย์
การมีเลือดออกจากช่องคลอด แต่ไม่ใช่ประจำเดือน และไม่ปวดท้อง อาจเป็นเลือดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหรือเลือดฝังตัวในระยะเริ่มตั้งครรภ์ได้ ในบางกรณีอาจสัมพันธ์กับภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือปัญหาอื่นในมดลูกและปากมดลูก หากเลือดออกมากหรือติดต่อกันหลายวัน ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง
เลือดล้างหน้าเด็ก บ่งบอกถึงอายุครรภ์ราว 4 สัปดาห์หรือตั้งครรภ์ 1 เดือนแรก ซึ่งเป็นระยะที่ตรวจครรภ์เจอได้ด้วยที่ตรวจครรภ์ส่วนใหญ่ค่ะ เนื่องจากร่างกายคุณแม่เริ่มมีปริมาณฮอร์โมน hCG สูงขึ้นจนตรวจเจอได้จากปัสสาวะและเลือดแล้ว บางคนอาจรู้สึกปวดท้องจี๊ดๆ ตั้งครรภ์อ่อนๆ ร่วมด้วย
เลือดล้างหน้าเด็กสีอะไร
เลือดล้างหน้าเด็กจะมีสีแดงจาง ๆ ไม่แดงสด โดยสีเลือดล้างหน้าเด็กอาจมีสีออกชมพู หรืออาจเห็นเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือสีสนิมก็ได้ ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วง ท้อง 1 สัปดาห์แรกก่อนเข้าสู่ช่วงที่คุณแม่จะเริ่มฝากครรภ์
โดยทั่วไปเลือดล้างหน้าเด็กจะไม่มีกลิ่นเหม็น หากพบว่ามีเลือดล้างหน้ามีกลิ่นแรง มีก้อนเลือดปน หรือมีอาการคันและตกขาวผิดปกติ อาจเกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอด นอกจากนี้หากเลือดออกมากเกินไป มีสีแดงสด หรือมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจไม่ใช่เลือดฝังตัวแต่เป็นภาวะผิดปกติ เช่น การแท้งคุกคามหรือตั้งครรภ์นอกมดลูก และบางกรณีหากร่างกายอ่อนแอมากอาจนำไปสู่ท้องลมหรือลูกหลุดได้เช่นกัน
หลายคนอาจสงสัยว่าเลือดล้างหน้าเด็กเป็นแบบไหนกันนะ เลือดล้างหน้าเด็กจะมีระยะเวลาโดยเฉลี่ย 1–2 วัน และไม่เกิน 3 วัน ลักษณะคือเลือดสีชมพูอ่อนหรือสีน้ำตาล ปริมาณน้อยมาก ไม่มีกลิ่น และไม่ควรมีอาการปวดท้องรุนแรง หากเลือดออกนานกว่านั้นหรือมีอาการร่วมอื่น ควรรีบพบแพทย์
ลักษณะของเลือดล้างหน้าเด็กกับประจำเดือนนั้น ค่อนข้างที่จะแยกออกยาก เพราะมีความคล้ายคลึงกันมาก แต่ก็มีความแตกต่างที่ชัดเจนอยู่บ้าง ดังนี้

เลือดล้างหน้าเด็ก vs ประจำเดือน
|
เลือดล้างหน้าเด็ก (Implantation) |
vs |
ประจำเดือน (Period) |
|
สีน้ำตาล น้ำตาลเข้ม หรือชมพู |
สี |
สีแดงสด หรือแดงเข้ม |
|
เลือดออกน้อย หรือเป็นจุดๆ |
ปริมาณเลือด |
มากจนต้องใช้ผ้าอนามัย |
|
1-2 วัน |
ระยะเวลา |
โดยเฉลี่ย 3-7 วัน |
|
ปวดหน่วงเล็กน้อย หรือปวดเบาๆ |
อาการ |
ปวดตั้งแต่ระดับเล็กน้อย ถึงปวดมาก |
เลือดล้างหน้าเด็กจะมาตอนไหน คุณแม่ต้องสังเกตให้ดีค่ะ โดยปกติแล้วจะไม่นับระยะการมีเลือดล้างหน้าหลังการมีเพศสัมพันธ์ แต่จะนับหลังจากการปฏิสนธิของไข่และอสุจิผ่านไปแล้วประมาณ 10-14 วัน
เลือดล้างหน้าเด็กมากี่วัน โดยเฉลี่ยจะมีระยะเวลา 1–2 วัน ส่วนเลือดล้างหน้ามาเยอะสุดกี่วัน คือ ไม่ควรเกิน 3 วัน ลักษณะเลือดล้างหน้าจะเป็นเลือดสีชมพูอ่อนหรือสีน้ำตาล ปริมาณน้อยมาก ไม่มีกลิ่น และไม่ควรมีอาการปวดท้องรุนแรง หากเลือดออกนานกว่านั้นหรือมีอาการร่วมอื่น ควรรีบพบแพทย์
เมื่อมีเลือดล้างหน้า มักมีอาการ คือ มีเลือดไหลออกมาทางช่องคลอดประมาณ 1-2 วัน และหยุดไปเอง โดยไม่มีอาการปวดท้องหรือปวดเกร็งร่วม
อย่างไรก็ตาม ในหลายกรณีก็พบว่ามีอาการอื่น ๆ ร่วมกับอาการเลือดล้างหน้าเด็กด้วย ดังนี้
ซึ่งถือเป็นอาการคนท้องในช่วงเริ่มต้นที่พบบ่อย โดยเฉพาะในระยะท้อง 4 สัปดาห์ที่ฮอร์โมนเริ่มเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้ พะอืดพะอม และมีอาการคนท้องปวดหลังได้ในบางราย
เลือดล้างหน้าเด็กอาจมาพร้อมอาการปวดท้องน้อยเล็กน้อยได้ เพราะเมื่อไข่ที่ถูกปฏิสนธิแล้วเข้าไปฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูก อาจทำให้เกิดการหดตัวเล็กน้อยของมดลูก ซึ่งทำให้คุณแม่รู้สึกปวดท้องจี๊ดๆ ตั้งครรภ์อ่อนๆ หรือไม่สบายตัวเล็กน้อย แต่อาการปวดจะไม่รุนแรงเท่าอาการปวดประจำเดือน มักจะเป็นเพียงความรู้สึกตึงๆ ที่ท้องน้อย
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะมีเลือดล้างหน้าเด็ก หรือบางคนที่ตั้งครรภ์ มีเลือดออก ไม่ปวดท้องเลยก็เป็นไปได้ เพราะประสบการณ์ตั้งครรภ์ของคุณแม่แต่ละคนก็แตกต่างกันออกไปตามสภาพร่างกายที่แตกต่างกันค่ะ
เลือดล้างหน้ามักจะมาเพียง 1-2 วัน ในปริมาณที่น้อยมาก และมักจะเป็นเพียงเลือดซึมๆ ออกมาไม่กี่หยด คุณแม่ที่มีเลือดล้างหน้ามักจะสังเกตเห็นเพียงรอยเลือดจางๆ บนกางเกงใน หรือตกขาวปนเลือดจางๆ ปริมาณของเลือดล้างหน้าเด็กนั้นน้อยมากจนไม่ต้องใช้ผ้าอนามัย
แต่หากคุณแม่พบว่ามีเลือดออกมามากขึ้นจนคล้ายมีประจำเดือน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเช็กอาการและความผิดปกติอื่น ๆ ค่ะ
ปกติแล้ว เลือดล้างหน้าเด็กจะมาเพียง 1-2 วัน อาจมีบางกรณีที่มาถึง 3 วัน แต่ปริมาณเลือดควรมีน้อยมาก
หากเลือดล้างหน้ามา 5 วัน และมีลักษณะเป็นเลือดสด ร่วมกับอาการปวดท้องคล้ายประจำเดือน อาการแบบนี้อาจจะไม่ใช้เลือดล้างหน้าเด็ก และคุณแม่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเช็กอาการและความผิดปกติอื่น ๆ ค่ะ
โดยทั่วไป เลือดล้างหน้าเด็ก (Implantation Bleeding) จะมีสีชมพูอ่อนถึงสีน้ำตาลจาง ปริมาณน้อย ไม่มีกลิ่น และจะหยุดภายใน 1–3 วัน แต่ถ้าเลือดที่ออกมามีลักษณะต่างไปจากนี้ อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติที่ต้องระวัง ดังนี้
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจไม่ได้เป็นเลือดล้างหน้าเด็กจริง แต่เป็นภาวะที่ต้องได้รับการดูแล เช่น การแท้งคุกคาม ตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือการติดเชื้อในโพรงมดลูก
สุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงที่อยู่ในครรภ์ การที่คุณแม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนและเหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างสมอง ร่างกาย และภูมิคุ้มกันของลูกให้แข็งแรง การใส่ใจโภชนาการจึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีที่สุดของลูก โดยในแต่ละวัน คุณแม่ควรเลือกอาหารที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และกรดไขมันจำเป็น เช่น DHA โฟเลต และแคลเซียม ซึ่งล้วนมีบทบาทต่อการพัฒนาสมองและการเจริญเติบโตของทารก
ซึ่งนอกจากการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์เป็นประจำในทุกมื้อแล้ว คุณแม่ยังสามารถเสริมด้วยนมบำรุงครรภ์และให้นมบุตร เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ อาจเลือกดื่มนมเอนฟามาม่า เอพลัส วันละ 2 แก้ว เพื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมและโคลีน ตามความต้องการของคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรในแต่ละวัน (THAI DRI)
โภชนาการที่ดีไม่เพียงช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่แข็งแรง แต่ยังช่วยปกป้องคุณแม่จากภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น โรคโลหิตจาง ความดันโลหิตสูง หรือเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เมื่อแม่สุขภาพดี ลูกก็จะได้รับการดูแลที่สมบูรณ์ไปพร้อมกัน ดังนั้น ทุกคำที่แม่เลือกกินในวันนี้ คือการวางรากฐานสู่อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อยอย่างแท้จริง
สีของเลือดนั้นจะมีตั้งแต่สีชมพูอ่อน ไล่ไปจนถึงสีเข้มอย่างสีน้ำตาล หรือสีสนิม ซึ่งลักษณะเช่นนี้เป็นสัญญาณแรก ๆ ที่บอกว่ากำลังตั้งครรภ์
อย่างไรก็ตาม เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำควรทำการตรวจโดยใช้ที่ตรวจครรภ์ หรือตรวจโดยตรงกับแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำมากขึ้น
เลือดล้างหน้าเด็กมักเกิดในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ ประมาณสัปดาห์ที่ 3-4 หรือประมาณ 1–2 สัปดาห์หลังการปฏิสนธิ ก่อนที่ประจำเดือนควรมาครั้งถัดไป
การมีเลือดสีน้ำตาลเปื้อนหลังมีประจำเดือนอาจไม่ใช่เลือดล้างหน้าเด็ก แต่เป็นเลือดเก่าหรือเลือดที่หลุดออกจากโพรงมดลูกและอาจเกิดจากฮอร์โมนหรือการเปลี่ยนแปลงของรอบเดือน
ถ้าเลือดหรือคราบ spotting ยาวนานกว่า 1-3 วัน หรือมีปริมาณมากกว่าการ spotting เล็ก ๆ ก็ไม่น่าจะเป็นเลือดล้างหน้าเด็กตามนิยาม ซึ่งปกติจะหยุดเองเร็ว
เลือดล้างหน้าเด็กสีสนิมเลือดล้างหน้าเด็กสีสนิม (dark brown) ถือว่าอยู่ในลักษณะที่พบในเลือดล้างหน้าเด็กได้ ซึ่งอาจเป็นสีน้ำตาลจางถึงเข้มก็ได้
สีของเลือดนั้นจะมีตั้งแต่สีชมพูอ่อน ไล่ไปจนถึงสีเข้มอย่างสีน้ำตาล หรือสีสนิม ดังนั้น หากมีคราบสีน้ำตาลที่กกน หรือเลือดล้างหน้าเด็กที่พบมีสีออกโทนน้ำตาลหรือน้ำตาลเข้ม ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ปวดท้องหน่วงมีเลือดสีน้ำตาล
การมีอาการปวดท้องหน่วงร่วมกับเลือดสีน้ำตาลอาจไม่ใช่เลือดล้างหน้าเด็กตามปกติ และอาจเป็นสัญญาณของภาวะแท้งหรือปัญหาทางนรีเวชได้
การมีเลือดสีน้ำตาลเปื้อนขณะใช้ยาคุมนั้นอาจเกิดจากการปรับระดับฮอร์โมนจากยาคุม และไม่จำเป็นต้องเป็นเลือดล้างหน้าเด็กแต่อย่างใด
เลือดล้างหน้าเด็กมักเกิดประมาณ 6-14 วันหลังการปฏิสนธิ ซึ่งอาจใกล้เคียงกับช่วงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้
โดยทั่วไปเลือดล้างหน้าเด็กเกิดครั้งเดียวหรือ spotting เล็ก ๆ หลายหยดในช่วงสั้น ๆ ไม่ได้เกิดหลายครั้งติดต่อกันนาน
การมีเลือดคนท้องถือเป็นเรื่องปกติ และเป็นสัญญาณแรก ๆ ที่บอกว่ากำลังตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะพบเลือดออก
ดังนั้น หากไม่มีเลือดล้างหน้าเด็กก็ไม่ถือว่าผิดปกติ และก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ด้วยเช่นกัน
หากพบว่ามีเลือดออกจากช่องคลอดโดยที่ไม่ได้อยู่ในช่วงที่เป็นประจำเดือน นอกจากความเป็นไปได้ที่จะเป็นเลือดล้างหน้าเด็กแล้ว การมีเลือดไหลออกจากช่องคลอด อาจจะบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อาทิ
ดังนั้น หากพบว่าช่องคลอดมีอาการเลือดออกแต่ไม่ได้อยู่ในช่วงที่มีประจำเดือน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากสิ่งใด เพื่อทำการรักษาต่อไป
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
Enfa สรุปให้ ยาแก้ไอคนท้องที่ใช้ได้ เช่น ยากดอาการไอ (dextromethorphan) ยาละลายเสมหะ (acetylcys...
อ่านต่อ
Enfa สรุปให้ คนท้องไม่สบายกินยาอะไรได้บ้าง เมื่อคนท้องไม่สบาย ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาเองโดยไม่ปรึ...
อ่านต่อ
Enfa สรุปให้ ชีพจรคนท้องอ่อน หรือหัวใจเต้นช้ากว่า 60 ครั้งต่อนาที ถือว่ามีภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปก...
อ่านต่อ