Enfa สรุปให้
- อะดีโนไวรัส (adenovirus) เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อและระบาดถึงกันได้ตลอดทั้งปีแบบไม่จำเพาะฤดูกาล จึงเป็นหนึ่งในโรคที่พบได้บ่อยในเด็ก เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของเด็กยังไม่แข็งแรง
- เชื้ออะดีโนไวรัส สามารถติดต่อผ่านการไอ จาม การสัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อการใช้สิ่งของที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสร่วมกัน หรือการดื่มน้ำและกินอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส
- เชื้ออะดีโนไวรัส จะทำให้มีไข้สูง ไอ เจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย ซึ่งสามารถรักษาตามอาการให้ทุเลาและดีขึ้นตามลำดับได้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
• อะดีโนไวรัส คืออะไร ทำไมเด็กเล็กถึงติดเชื้อกันถ้วนหน้า
• การติดเชื้อ อะดีโนไวรัส เกิดจากอะไร
• อะดีโนไวรัส อาการ เป็นอย่างไรเมื่อเด็กเล็กติดเชื้อ
• ป้องกันการติดเชื้ออะดีโนไวรัสในเด็กเล็กยังไงดี
อะดีโนไวรัส คือ หนึ่งในไวรัสตัวร้ายที่ทำให้ลูกป่วยบ่อย ๆ หากคุณพ่อไม่ดูแลและป้องกันให้ลูกรักษาความสะอาด ก็จะยิ่งทำให้เด็ก ๆ ป่วยได้ตลอดทั้งปี เพราะไวรัสตัวนี้สามารถระบาดได้แบบไม่เลือกฤดูกาลเลยค่ะ
อะดีโนไวรัส คืออะไร ทำไมเด็กเล็กถึงติดเชื้อกันถ้วนหน้า
ไวรัสอะดีโน (adenovirus) หรือ อะดีโนไวรัส คือ เชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่สามารถระบาดได้ตลอดทั้งปี และก่อให้เกิดอาการทางสุขภาพที่รุนแรงได้หลายรูปแบบ ดังนี้
- การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ทอนซิลอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองโต
- การติดเชื้อที่ดวงตา เช่น ตาแดง ไข้สูง ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
- การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคกระเพาะอาหาร ลําไส้อักเสบ ตับอักเสบ เลือดออกในกระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหารและลําไส้อักเสบ ลําไส้ใหญ่อักเสบ
การติดเชื้อ อะดีโนไวรัส เกิดจากอะไร
เชื้ออะดีโนไวรัส สามารถติดต่อกันได้หลายทาง ดังนี้
- ติดต่อกันผ่านการไอและจาม
- ติดต่อผ่านทางน้ำและอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส
- ติดต่อผ่านการสัมผัสกับสิ่งของหรืออวัยวะที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส
ซึ่งเชื้อไวรัสอะดีโน สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ตามพื้นผิวสิ่งแวดล้อม ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ได้นานถึง 30 วัน
อะดีโนไวรัส อาการ เป็นอย่างไรเมื่อเด็กเล็กติดเชื้อ
หากเด็กเล็กติดเชื้อไวรัสอะดีโน จะมีอาการปรากฎขึ้น ดังนี้
- มีไข้สูงนานประมาณ 5-6 วัน
- ตาแดง
- เจ็บตา
- น้ำตาไหล
- มีอาการไอ หรือไอแห้ง ๆ
- คัดจมูก หายใจไม่ออก
- น้ำมูกไหล
- เจ็บคอ
- ท้องเสีย
- อาเจียน
อะดีโนไวรัสในเด็ก อันตรายไหม ส่งผลกระทบอะไรกับสุขภาพลูกบ้าง
หากเด็กมีภูมิคุ้มกันร่างกายที่ไม่แข็งแรงและติดเชื้อไวรัสอะดีโน จะมีโอกาสที่จะป่วยหนักได้ และในกรณีที่ติดเชื้อรุนแรง อาจทำให้เด็ก ๆ ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหลายวันเลยทีเดียว
ซึ่งการติดเชื้อไวรัสอะดีโนนั้น สามารถนำไปสู่ปัญหาในระบบทางเดินหายใจอย่าง คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ทอนซิลอักเสบ หรือต่อมน้ำเหลืองโตได้
ลูกติดเชื้อ อะดีโนไวรัส รักษาอย่างไร
เมื่อลูกเชื้อไวรัสอะดีโน จะไม่มีการรักษาเฉพาะทาง แต่จะทำการรักษาตามอาการที่ปรากฎ หากมีไข้ ก็ต้องเช็ดตัวบ่อย ๆ กินยาลดไข้ หากมีอาการไอ ก็กินยาแก้ไอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ก็ทำการล้างจมูก จนกระทั่งอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับและทรงตัวจนหายเป็นปกติ
ป้องกันการติดเชื้ออะดีโนไวรัสในเด็กเล็กยังไงดี
การป้องกันเชื้อไวรัสอะดีโน สามารถทำได้ง่ายมาก ๆ โดยการปลูกฝังให้เด็ก ๆ หมั่นรักษาความสะอาด ดังนี้
- ฝึกให้ลูกล้างมือด้วยสบู่บ่อย ๆ และล้างมือให้ถูกวิธี
- ให้ลูกพกสเปรย์แอลกอฮอล์ หรือเจลแอลกอฮอล์ติดตัว
- หลีกเลี่ยงการพาลูกไปในพื้นที่แออัด
- หลีกเลี่ยงการพาลูกไปใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- ไม่ให้ลูกใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
- สอนให้ลูกไอและจามให้ถูกวิธี ปิดปาก ปิดจมูกทุกครั้งที่ไอ จาม
แลคโตเฟอร์ริน สารอาหารในน้ำนมเหลือง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย
หลังคลอดลูก คุณแม่ควรเริ่มให้นมลูกภายใน 1-3 วัน หรือทันทีหลังคลอด เพราะในระยะนี้จะเป็นช่วงที่นมแม่อยู่ในระยะของน้ำนมเหลือง (Colostrum) ซึ่งอุดมไปด้วยสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า แลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin)
แลคโตเฟอร์ริน ที่จัดว่าเป็นสุดยอดสารอาหารในน้ำนมเหลือง เพราะมีภูมิคุ้มกันสูง เปรียบเสมือนวัคซีนธรรมชาติจากอกแม่ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย ต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดโอกาสการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ ส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร ด้วยการเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์สุขภาพ และทำให้ผนังลำไส้แข็งแรง ลดโอกาสการเกิดท้องเสีย
โดยระยะน้ำนมเหลืองนี้จะอยู่แค่เพียง 3 วันแรกหลังคลอดเท่านั้น หากพ้นระยะนี้ไปแล้วลูกน้อยก็จะพลาดแลคโตเฟอร์รินในระดับสูงสุดช่วงนี้ไปอย่างน่าเสียดายค่ะ
- โรงพยาบาลสมิติเวช. ไวรัสอะดีโน (Adenovirus) ตัวการร้ายทำลายระบบของร่างกาย. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/adenovirus-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD. [ 24 พฤษภาคม 2024]
- โรงพยาบาลกรุงเทพ-พัทยา. รู้จักกับ ไวรัสอะดีโน ไวรัสที่ไม่ได้อยู่แค่ที่ต่อมอะดีนอยด์. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://bangkokpattayahospital.com/th/health-articles-th/child-health-th/adenoviruses-virus/. [ 24 พฤษภาคม 2024]
- โรงพยาบาลพญาไท. รู้เท่าทันเพื่อป้องกันการติดเชื้ออะดีโนไวรัส (Adenovirus) ในเด็ก. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.phyathai.com/th/article/adenovirus-in-child-pt3. [ 24 พฤษภาคม 2024]
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น. คณะพยาบาลศาสตร์ มข. ชวนรู้จัก “อะดีโนไวรัส” ในเด็กเล็ก แนะอาการ-เทคนิคป้องกันเชื้อก่อนแพร่สู่ผู้ปกครอง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://th.kku.ac.th/174553/. [ 24 พฤษภาคม 2024]
- สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย. วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอะดีโน. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://pidst.or.th/userfiles/48_%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%. [ 24 พฤษภาคม 2024]
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่