
Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
น้ำคร่ำแตก หรือน้ำเดิน เป็นหนึ่งในสัญญาณใกล้คลอดที่ค่อนข้างชัดเจนว่าเจ้าตัวเล็กพร้อมสุด ๆ แล้วที่จะโผล่ออกมาจ๊ะเอ๋คุณพ่อคุณแม่ แต่อาการน้ำเดิน เป็นแค่เพียงอาการใกล้คลอดเท่านั้นหรือ ยังมีเรื่องอะไรเกี่ยวกับน้ำเดินที่เรายังไม่รู้บ้าง Enfa จะมาเล่าให้ฟังค่ะ
น้ำคร่ำ (Amniotic fluid) คือ ของเหลวสีใส หรือสีออกเหลืองเล็กน้อย ซึ่งรายล้อมอยู่รอบตัวทารกที่ขณะนี้อาศันอยู่ในถุงน้ำคร่ำ
โดยปริมาณน้ำคร่ำเมื่ออายุครรภ์ราว 10 สัปดาห์ จะมีอยู่ประมาณ 30 มิลลิลิตร และจะเพิ่มปริมาณเป็น 200 มิลลิลิตรเมื่อมีอายุครรภ์ได้ 16 สัปดาห์ และน้ำคร่ำจะเพิ่มปริมาณสูงสุดประมาณ 800 มิลลิลิตร เมื่อายุครรภ์ราว ๆ 34 สัปดาห์ หลังจากอายุครรภ์ 36 สัปดาห์เป็นต้นไป น้ำคร่ำจะค่อย ๆ ลดปริมาณลง
ซึ่งแพทย์จะมีการตรวจปริมาณน้ำคร่ำเพื่อคอยหาความผิดปกติอยู่เสมอ โดยวิธีการตรวจนั้นจะตรวจด้วยวิธีอัลตรา (Ultrasonic) เพื่อวัดความลึกของถุงน้ำคร่ำทั้ง 4 ตำแหน่ง ซึ่งค่าปกติของความลึกของถุงน้ำคร่ำจะอยู่ระหว่าง 5-25 เซนติเมตร
ถ้าแพทย์ตรวจปริมาณน้ำคร่ำและพบว่าถุงน้ำคร่ำของคุณแม่วัดค่าได้เกิน 25 เซนติเมตร ถือว่ามีภาวะครรภ์น้ำคร่ำมาก (Polyhydramnios)
ในทางกลับกันถ้าแพทย์ตรวจพบว่าถุงน้ำคร่ำของคุณแม่วัดค่าได้น้อยกว่า 5 เซนติเมตร ถือว่ามีภาวะน้ำคร่ำน้อย(Oligohydramnios)
ขณะตั้งครรภ์ ทารกจะอาศัยอยู่ในถุงน้ำคร่ำ ซึ่งภายในถุงน้ำคร่ำก็จะมีของเหลวอยู่ภายในที่เรียกว่าน้ำคร่ำ จนเมื่อการตั้งครรภ์เริ่มเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของไตรมาสที่สาม ทารกก็จะเริ่มเคลื่อนตัวลงสู่อุ้งเชิงกราน จากนั้นมดลูกก็จะเริ่มมีการหดตัว เพื่อบีบให้เด็กสามารถเคลื่อนตัวสู่อุ้งเชิงกรานได้ง่ายขึ้น และแรงกดดังกล่าวก็มีผลทำให้ถุงน้ำคร่ำแตกออก จนมีของเหลวไหลออกมา หรือที่เราเรียกกันว่า น้ำเดิน หรือน้ำคร่ำแตก
อาการน้ำเดิน มักจะพบได้ตั้งแต่ช่วงอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ ไปจนถึงอายุครรภ์ 40 สัปดาห์ คุณแม่อาจมีอาการน้ำเดินขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ในช่วงเวลานี้ค่ะ เพราะทารกสามารถที่จะคลอดได้ทุกเมื่อ โดยไม่ต้องรอจนครบกำหนนดอายุครรภ์ 40 สัปดาห์เสมอไป
อาการน้ำเดิน หรือน้ำคร่ำแตก คือ อาการที่มีของเหลวไหลออกมาจนรู้สึกได้ว่าเปียกชื้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงอายุครรภ์ 37-40 สัปดาห์ โดยของเหลวที่ไหลออกมานั้นจะคล้ายกับปัสสาวะไหล และเพราะว่าน้ำคร่ำแตกนั้นคล้ายกับปัสสาวะ จึงค่อนข้างที่จะแยกออกได้ยากว่าเป็นปัสสาวะ หรือเป็นน้ำคร่ำกันแน่
ดังนั้น หากมีอาการที่คลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะเป็นน้ำคร่ำแตก จะแน่ใจหรือไม่แน่ใจก็ตาม ให้รีบติดต่อแพทย์ทันทีนะคะ เพราะถ้าหากเป็นอาการน้ำคร่ำเดินจริง ๆ ก็มีโอกาสที่เด็กจะคลอดออกมาในเร็ว ๆ นี้ค่ะ
ตกขาว กับปัสสาวะเล็ดนั้น จะไม่ไหลพรวดพราดออกมาทีเดียวเหมือนกับน้ำเดิน แต่ลักษณะตกขาวของคนท้องจะมีลักษณะเป็นของเหลวสีใส หรือสีออกเหลือง ไหลออกมาเพียงกระปริดกระปรอย และไม่ถึงกับเปียกชื้นจนรู้สึกได้
แต่น้ำเดินนั้น น้ำคร่ำสีใส ๆ จะไหลออกมาคล้ายกับปัสสาวะ ในปริมาณที่มากจนรู้สึกได้ว่ากางเกงในเปียกชื้น
บางครั้งน้ำคร่ำก็อาจมีสีเขียว หรือเหลืองปนเขียว ซึ่งเกิดจากขี้เทา หรืออุจจาระครั้งแรกสุดของทารก หากน้ำคร่ำมีสีดังกล่าว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยขั้นตอนในการคลอดลูกได้อย่างปลอดภัย
ส่วนใหญ่แล้ว หลังจากที่น้ำคร่ำแตก ทารกมักจะคลอดออกมาภายใน 12-24 ชั่วโมง หรืออย่างช้าสุดก็คือ 48 ชั่วโมง
แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่ทารกใช้เวลากว่านั้นก่อนที่จะคลอดออกมา ซึ่งยิ่งรอนานมากเท่าไหร่ ก็หมายถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นสูงมากตามไปด้วย
มีคุณแม่หลายคนที่มีอาการน้ำเดิน แต่ไม่มีอาการปวดท้องร่วมด้วย ลักษณะเช่นนี้ ก็มีคำอธิบายที่ต่างกันออกไปนะคะ
ลักษณะเช่นนี้อาจเป็นภาวะน้ำคร่ำเดินก่อนกำหนด (Premature rupture of membranes หรือ PROM) ทำให้ไม่มีอาการเจ็บท้องคลอดร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม ภาวะน้ำคร่ำเดินก่อนกำหนดนี้ถือว่าค่อนข้างอันตรายนะคะ เพราะเป็นไปได้ว่าคุณแม่อาจจะมีการติดเชื้อเกิดขึ้นในโพรงมดลูก และทารกในครรภ์ก็เสี่ยงที่จะมีการติดเชื้อรุนแรงตามไปด้วย ซึ่งหากมีอาการน้ำคร่ำแตกก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ ควรไปพบแพทย์ค่ะ เพื่อที่แพทย์จะได้ทำการตรวจอย่างละเอียด และดูว่ามีแนวโน้มที่จะมีการคลอดก่อนกำหนดเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้หรือไม่
หรือ...ถ้าหากมีอาการน้ำคร่ำแตกในช่วงท้อง 37 สัปดาห์ มีอาการใกล้คลอด 40 สัปดาห์ตามปกติ แต่ไม่มีอาการปวดท้อง นั่นเป็นเพราะว่า
หากคุณแม่รู้สึกว่ามีอาการท้องแข็งเกิดขึ้นแบบถี่ ๆ แต่ไม่มีมูก หรือมูกเลือดก่อนคลอด หรือไม่มีอาการใดที่ใกล้เคียงกับคำว่าน้ำเดิน หรือน้ำคร่ำแตก และปากมดลูกไม่ขยาย แบบนี้ยังไม่ใช่อาการใกล้คลอดค่ะ เป็นเพียงอาการเจ็บท้องเตือน หรือเจ็บท้องหลอกเท่านั้น
ส่วนอาการใกล้คลอดของจริง หรืออาการเจ็บท้องจริงนั้น นอกจากจะมีอาการปวดท้อง มีอาการท้องแข็งถี่ ๆ แล้ว ก็อาจมีอาการน้ำเดิน และมีมูก หรือมูกเลือดก่อนคลอดออกมา และปากมดลูกขยายด้วย
ปกติเราไม่สามารถจะคำนวณช่วงเวลาที่น้ำคร่ำจะแตกได้แบบเป๊ะ ๆ อยู่แล้วค่ะ และน้ำคร่ำอาจจะแตกขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ระหว่างช่วงอายุครรภ์ 37-40 สัปดาห์ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะมีอาการน้ำคร่ำแตกโดยไม่รู้ตัว
มากไปกว่านั้น น้ำคร่ำแตกกับปัสสาวะ ก็แยกออกค่อนข้างยาก อาจทำให้คุณแม่สับสน หรือแยกไม่ออกจริง ๆ ว่าเป็นน้ำคร่ำหรือปัสสาวะ
แต่ถ้าหลังจากนั้นมีอาการปวดท้องตามมาภายใน 12-24 ชั่วโมง ก็น่าจะชัดเจนว่า ของเหลวที่ไหลออกมาก่อนหน้านั้น น่าจะเป็นน้ำคร่ำแตกไม่ผิดแน่
ปกติแล้วอาการน้ำเดินจะเกิดในช่วงอายุครรภ์ 37-40 สัปดาห์ แต่ถ้าอาการน้ำเดินเกิดขึ้นก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ ถือว่าเป็นภาวะน้ำคร่ำเดินก่อนกำหนด (Premature rupture of membranes หรือ PROM)
ซึ่งภาวะน้ำเดินก่อนกำหนดนี้ ถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายค่ะ เพราะเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อขึ้นที่โพรงมดลูก และเสี่ยงที่จะทำให้ทารกในครรภ์มีการติดเชื้อที่รุนแรงตามไปด้วย หรืออาจก่อให้เกิดภาวะทุพพลภาพในทารก หรือทารกเสี่ยงที่จะมีปัญหาต่อพัฒนาการด้านต่าง ๆ ในระยะยาว เช่น ปอดไม่สมบูรณ์ หัวใจทำงานผิดปกติ เป็นต้น
โดยทั่วไปแล้ว ถ้ามีอาการน้ำเดินเมื่อไหร่ ก็ควรจะต้องมีการติดต่อแพทย์ และรีบไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพราะทารกกำลังจะคลอดออกมาในไม่ช้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่มีอาการน้ำเดิน และมีอาการดังต่อไปนี้ ก็ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
ซึ่งสัญญาณต่าง ๆ ที่กล่าวไปข้างต้นนี้ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อได้ค่ะ
อาการปวดท้อง ไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้นทันทีหลังจากน้ำคร่ำแตกค่ะ คุณแม่บางคนอาจใช้เวลานานกว่าปกติ กว่าที่จะมีอาการปวดท้องเกิดขึ้นหลังจากที่น้ำเดิน
ดังนั้น หากมีของเหลวใส ๆ ไหลออกมาเมื่ออายุครรภ์ 9 เดือน คุณแม่ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะถ้าหากของเหลวนั้นเป็นน้ำคร่ำแตกจริง ๆ การคลอดก็จะเกิดขึ้นตามมาอีกในไม่ช้าค่ะ
หากมีอาการปวดท้อง แต่ไม่มีน้ำเดิน ไม่มีมูก หรือมูกเลือดไหลออกจากช่องคลอด และปากมดลูกยังไม่ขยาย อาจเป็นไปได้ว่านี่คืออาการเจ็บครรภ์เตือนค่ะ และถ้าเป็นอาการเจ็บครรภ์เตือนจริง ๆ ก็จะยังไม่มีการคลอดเกิดขึ้น
อาการน้ำเดินจะเกิดขึ้นช่วงอายุครรภ์ 37-40 สัปดาห์ค่ะ โดยอาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ในระหว่างนี้ แต่ถ้ามีอาการน้ำเดินเกิดขึ้นก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ ถือว่าเป็นภาวะน้ำเดินก่อนกำหนด อาการเช่นนี้ต้องรีบไปพบแพทย์ค่ะ เพราะมีแนวโน้มที่จะมีการคลอดก่อนกำหนดเกิดขึ้น
น้ำคร่ำมักจะมีสีใส ๆ หรือสีออกเหลือง แต่บางครั้งก็อาจจะมีสีเขียว หรือเขียวปนเหลือง ซึ่งกรณีอย่างหลังนั้น เกิดจากขี้เทา หรืออุจจาระครั้งแรกสุดของทารก
หากน้ำคร่ำมีสีออกเขียว หรือเขียวปนเหลือง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยขั้นตอนในการคลอดลูกได้อย่างปลอดภัย
หลังจากที่มีอาการน้ำเดิน ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีการคลอดเกิดขึ้นหลังจากนั้นในช่วงเวลา 12-24 ชั่วโมง หรือช้าสุดคือ 48 ชั่วโมง
ภาวะน้ำเดินก่อนกำหนด ถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายค่ะ เพราะเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อขึ้นที่โพรงมดลูก และเสี่ยงที่จะทำให้ทารกในครรภ์มีการติดเชื้อที่รุนแรงตามไปด้วย หรืออาจก่อให้เกิดภาวะทุพพลภาพในทารก หรือทารกเสี่ยงที่จะมีปัญหาต่อพัฒนาการด้านต่าง ๆ ในระยะยาว เช่น ปอดไม่สมบูรณ์ หัวใจทำงานผิดปกติ เป็นต้น
ระยะเวลาของน้ำเดินในคุณแม่แต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เนื่องจากปริมาณของน้ำคร่ำที่แตกออกมานั้นก็จะแตกต่างกัน บางคนมีน้ำเดินมาก ขณะที่บางคนมีน้ำเดินน้อย
Nitrazine Paper Test คือ กระดาษที่ชุบ Sodium Dinitrophynylozonaphal Disulphonate และใช้เพื่อทดสอบความเป็นกรดด่างของช่องคลอด เพื่อดูว่าน้ำคร่ำแตกแล้วหรือยัง
โดยผลตรวจความเป็นกรดด่าง มีดังนี้:
ผลตรวจที่แสดงว่าถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก
ผลตรวจที่แสดงว่าถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
Enfa สรุปให้ คลอดลูกกี่เดือนย้อมผมได้ โดยทั่วไปสามารถย้อมผมได้หลังคลอดประมาณ 4–6 สัปดาห์ หากร่าง...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ยาขับน้ำคาวปลา คือ ยาสมุนไพรที่ช่วยกระตุ้นการหดตัวของมดลูก เพื่อขับของเสียและน้ำคาว...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ของเยี่ยมคุณแม่หลังคลอด ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของที่มีราคาแพงหรือหายาก แต่ควรเป็นของ...
อ่านต่อ