นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

อาหารเด็ก 6 เดือน กินอะไรได้บ้าง วิธีเตรียมอาหารให้ลูก 6 เดือน

Enfa สรุปให้

  • อาหารเด็ก 6 เดือน ที่ควรแนะนำให้กับลูกน้อยได้ลองกิน ควรเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิด เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี แคลเซียม เป็นต้น เน้นเลือกวัตถุดิบสดใหม่ สะอาด ปลอดภัย มีตามฤดูกาลและในท้องถิ่นนั้น ๆ
  • ตารางอาหารเด็ก 6 เดือน ในแต่ละวันจะต้องสลับให้ลูกน้อยกินนมแม่ ควบคู่ไปกับอาหารตามวัย เพื่อให้ลูกน้อยได้โภชนาการที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต
  • เมนูอาหารเด็ก 6 เดือน ทุกเมนูควรจะต้องนิ่ม บดละเอียด เพราะลูกน้อยยังไม่สามารถเคี้ยว หรือกลืนอาหารได้ดีเหมือนกับผู้ใหญ่ แต่อย่าปั่นให้อาหารมีเหลวเกินไป จะทำให้ลูกน้อยไม่ได้ฝึกการเคี้ยว

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

หนูอายุ 6 เดือนแล้ว ถึงเวลาเริ่มกินอาหารอื่น ๆ นอกเหนือจากนมแม่แล้วจ้า! เมื่อเจ้าตัวเล็กอายุ 6 เดือน ก็จะเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่สามารถเริ่มฝึกให้ลูกน้อยได้รับประทานอาหารตามวัยเด็กทารก (Solid Foods) หรือที่เราอาจจะได้ยินคำถามบ่อย ๆ ว่า เมื่อไหร่ลูกจะกินกล้วยบดได้ กินน้ำได้ กินข้าวได้ นี่แหละค่ะ คืออาหารตามวัยเด็กทารกที่ว่ากัน

แต่ไหน ๆ คุณแม่จะต้องเริ่มให้อาหารตามวัยเด็กทารกกันแล้ว วันนี้เอนฟาเลยมีเคล็ดลับดี ๆ มาฝาก เมื่อคุณแม่จะต้องเริ่มฝึกให้ลูกน้อยกินอาหารเด็ก 6 เดือน มีอะไรบ้างที่ต้องรู้ และอะไรบ้างที่ต้องควรระวัง ตามมาดูกันเลยค่ะ!

 

 

อาหารเด็ก 6 เดือน เป็นอย่างไร

เมื่อลูกน้อยเข้าสู่อายุ 6 เดือน ก็เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่สามารถเริ่มแนะนำอาหารชนิดใหม่ให้กับลูกน้อยได้ ซึ่งอาหารเด็ก 6 เดือน หลัก ๆ ยังคงเป็นนมแม่อยู่ แต่จะเริ่มให้อาหารชนิดอื่น ๆ เพื่อเป็นการแนะนำอาหารชนิดใหม่ ฝึกให้ลูกน้อยได้คุ้นชินกับการกินอาหารแข็ง และเพื่อเพิ่มสารอาหารและพลังงานที่ร่างกายลูกน้อยต้องการ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทารก 6 เดือนให้สมวัย

อาหารทารก 6 เดือน ควรมีลักษณะเนื้อสัมผัสอาหารที่ค่อนข้างเหลว เน้นการบดมากกว่าการปั่น เนื่องจากการปั่นอาหารจะทำให้ลูกน้อยไม่ได้ทดลองฝึกการเคี้ยวและกลืน สามารถเริ่มให้ลูกน้อยได้ลองกินอาหารง่าย ๆ

เช่น อาหารจำพวกผัก หรือผลไม้ นำมาต้มให้สุก ก่อนนำมาบด เช่น มันฝรั่ง มันหวาน แครอท ผักโขม รวมทั้งสามารถกินอาหารจำพวกผลไม้ที่สุกแล้วได้ เช่น กล้วยน้ำว้า แอปเปิ้ล สาลี่ ซึ่งอาจจะบด ปั่น หรือคั้นน้ำ เพื่อให้ลูกน้อยได้ลองกินได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรเฝ้าระวังอาหารบางชนิดที่อาจจะก่อให้เกิดอาการผื่นแพ้อาหารทารก เนื่องจากเรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าลูกน้อยมีอาการแพ้อาหารอะไรหรือไม่ ดังนั้นคุณแม่ควรสังเกตอาการแพ้หลังจากที่ให้กินอาหารชนิดอื่น ๆ ไป ประเภทอาหารที่พบอาการแพ้ได้บ่อย เช่น

  • นมวัว
  • ไข่
  • อาหารที่มีโปรตีนกลูเตน เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรซ์ เป็นต้น
  • ถั่วและธัญพืช
  • อาหารทะเล

หากพบว่าลูกน้อยกินอาหารที่มีส่วนประกอบเหล่านี้เข้าไป ต่อมามีอาการแพ้ เช่น เป็นผื่น ร้องไห้งอแง ถ่ายเหลว อาเจียน คัดจมูก น้ำมูกไหล ตาแดง เป็นต้น ควรพาลูกน้อยไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุว่ามีลูกน้อยมีอาการแพ้อาหารหรือไม่และทำการรักษาต่อไป


ปริมาณอาหารทารก 6 เดือน

ปริมาณอาหารเด็ก 6 เดือน ใน 1 วัน จะเฉลี่ยปริมาณการกินนมแม่อยู่ที่ 24 – 26 ออนซ์/วัน หรือประมาณ 5 – 8 ครั้ง/วัน ทั้งนี้อาจจะมีการปรับเปลี่ยนกันไปตามความต้องการของเด็กทารกแต่ละคน 

ในส่วนของปริมาณอาหารเสริมตามวัย คุณแม่สามารถใช้หลักการปรุงอาหารให้กับลูกน้อยได้ ดังนี้ 

  • หากเป็นข้าวสวยสามารถใช้ได้ 4 ช้อนโต๊ะ หรือประมาณ 2 ช้อนพูน ต้มกับน้ำแกงจืด หรือน้ำซุปประมาณครึ่งถ้วยตวง ในกรณีใช้ข้าวตุ๋นข้นปานกลางให้ใช้ปริมาณ 4 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำแกงจืด หรือน้ำซุปประมาณ 8 ช้อนโต๊ะ หรือใช้ปลายข้าว 1 ช้อนโต๊ะ ต้มกับน้ำแกงจืด หรือน้ำซุป 10 เท่า 
  • ใส่ผักที่มีกากใยสูง ทั้งผักใบเขียว หรือเหลืองส้มที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม กลิ่นไม่แรง 1 – 2 ช้อนโต๊ะ 
  • อาหารจำพวกโปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ ไข่แดง ตับไก่ เต้าหู้อ่อน ปลา เป็นต้น 
  • เหยาะน้ำมันพืชประมาณครึ่งช้อนชา เมื่อปรุงอาหารเสร็จ 

อาหารที่ปรุงให้ลูกน้อยกิน ควรปรุงให้สุก ไม่ควรปรุงแบบสุก ๆ ดิบ ๆ รวมทั้ง ปรุงอาหารให้มีลักษณะที่อ่อนนุ่ม บดได้ง่าย หากเป็นผลไม้ ควรเลือกผลไม้ที่มีลักษณะที่นิ่ม เคี้ยวได้ง่าย รวมทั้งเลือกผลไม้ที่สดใหม่ ล้างให้สะอาดก่อนให้ลูกน้อยกิน

 

ฝึกลูกกินข้าวตอน 6 เดือน ฝึกอย่างไร

การฝึกลูกกินข้าวตอน 6 เดือน หรือการฝึกให้ลูกเริ่มกินอาหารตามวัยเองด้วยวิธี BLW (Baby-Led Weaning) หรือก็คือการปล่อยให้ลูกได้ใช้มือหยิบอาหารเข้าปากเอง โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องป้อน และไม่ต้องบดอาหารให้ละเอียด

ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกลูกกินข้าวตอน 6 เดือนได้ ดังนี้

  1. เตรียมอาหารที่มีเนื้อสัมผัสนิ่ม แต่ไม่ต้องนำมาบดละเอียด ให้นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ ให้ลูกหยิบเข้าปากได้ง่าย เคี้ยวง่าย กลืนง่าย
  2. ให้ลูกเริ่มกินข้าวในมื้อเดียวกับที่เวลาให้นมปกติ โดยงดการให้นม และให้ลูกเริ่มกินอาหารตามวัยแทน เพื่อฝึกให้ลูกมีความอยากอาหาร และลดการกินนมแม่ลง
  3. เตรียมโต๊ะและที่นั่งสำหรับลูกให้พร้อม เพื่อฝึกให้ลูกคุ้นชินว่า ถ้าถึงเวลาที่นั่งโต๊ะตรงนี้ แปลว่าได้เวลากินข้าวแล้วนะ
  4. พ่อแม่ทำท่าให้ดูว่าต้องหยิบเข้าปากแบบนี้ เคี้ยวแบบนี้ ทำแบบนี้ แรก ๆ ลูกอาจสับสน งุนงง หรืออาจไม่ยอมกิน เป็นเรื่องปกติค่ะ เมื่อฝึกฝนไปเรื่อย ๆ ลูกก็จะเริ่มชินและกินอาหารได้ดีขึ้น
  5. ระยะแรกหากลูกยังกินเองไม่ได้ หรือไม่ยอมหยิบกินเลย คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถป้อนอาหารให้ลูกได้ตามปกติค่ะ เพื่อให้ลูกได้รับโภชนาการที่สมวัย

การฝึกลูกกินข้าวตอน 6 เดือน เป็นเรื่องที่มีความทุลักทุเลแน่นอนค่ะ คุณพ่อคุณแม่เตรียมใจล่วงหน้าไว้ได้เลย และอาจต้องใช้เวลาสักพักกว่าลูกน้อยจะเริ่มกินข้าวเองได้คล่อง คุณพ่อคุณแม่จึงควรต้องมีความอดทนและหมั่นหาทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาพลิกแพลงเพื่อกระตุ้นให้ลูกน้อยอยากกินอาหารได้มากขึ้นค่ะ

 

ป้อนข้าวลูก 6 เดือน ป้อนอย่างไรดี

การป้อนข้าวลูก 6 เดือนในมื้อแรกนั้น สามารถทำได้ไม่ยากค่ะ คุณพ่อคุณแม่เริ่มได้ง่าย ๆ อย่างปลอดภัย ดังนี้ 

  • จับลูกน้อยให้นั่งบนเก้าอี้มีพนักพิง และมีที่วางมือซ้ายขวา เพื่อป้องกันการพลัดตก 
  • อาหารทุกอย่างทั้งข้าว ผัก และเนื้อสัตว์ ต้องบดให้ละเอียดก่อนป้อนเท่านั้น และไม่ต้องปรุงรสใด ๆ ทั้งสิ้น 
  • เวลาป้อน ให้ป้อนคำเล็ก ๆ เพื่อให้ลูกกลืนได้ง่ายขึ้น 
  • สามารถป้อนมื้อใดก็ได้ เลือกตามที่สะดวก แต่แนะนำให้ป้อนข้าวมื้อเช้า หรือมื้อเที่ยง เพื่อที่ว่าหากลูกมีอาการแพ้ จะสามารถรับมือได้ทันเวลา ไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาได้สะดวก ทันท่วงที 
  • ควรป้อนอาหารเป็นอย่าง ๆ ไป ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทุกวัน เช่น ในช่วง 2-3 วันนี้โปรตีนเป็นไข่แดง ผักเป็นฟักทอง ผลไม้เป็นกล้วยน้ำว้า ก็ป้อนไปจนครบกำหนด แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นอาหารชนิดใหม่  เพื่อคุณพ่อคุณจะได้สังเกตอาการแพ้อาหารได้ง่ายขึ้น และสามารถบอกได้ชัดเจนว่าลูกแพ้อาหารชนิดใด การสลับอาหารใหม่ ๆ ถี่เกินไป จะทำให้สังเกตอาการแพ้อาหารของลูกได้ยากขึ้น 
  • การป้อนข้าวลูก ควรป้อนห่างจากการกินนม 2 ชั่วโมง เพื่อให้มีพื้นที่ว่างภายในกระเพาะเพียงพอสำหรับมื้ออาหาร ไม่ทำให้ลูกอิ่มไวจนเกินไป 

คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มฝึกการกินตามแบบ BLW ได้ตั้งแต่ลูกอายุครบ 6 เดือนได้เลยค่ะ วัยนี้อาจเริ่มจากผลไม้เนื้อนิ่ม ๆ เช่น กล้วยสุก มะละกอสุก ให้ลูกได้หยิบจับและสัมผัสเอง

 

เด็ก 6 เดือนกินข้าวกี่มื้อ

เด็กเล็กวัย 6 เดือนนั้น ยังคงเน้นการให้นมแม่ตามปกติเหมือนช่วงเวลาก่อนหน้า โดยจะเฉลี่ยการให้นมประมาณ 5 – 8 ครั้ง/วัน หรือตามความต้องการของลูกน้อย และจะเพิ่มอาหารตามวัยเด็กทารกเข้าไปในแต่ละวัน เนื่องจากกระเพาะของเด็กทารกมีขนาดเล็ก ในช่วงแรกที่เริ่มให้กินอาหาร ควรเริ่มให้กินอาหารในปริมาณที่ไม่มาก

จำนวนมื้อาหารตามวัยเด็กทารก 6 เดือน จะกินอาหารประมาณ 1 – 2 มื้อ/วัน หรือคุณแม่สามารถแบ่งปริมาณอาหารใน 1 มื้อ ออกเป็นหลายครั้งได้ แต่หากพบว่าลูกน้อยแสดงอาการอิ่ม ไม่ต้องการกินอาหารแล้ว ควรหยุดป้อน ไม่ควรฝืน หรือบังคับให้กินต่อ

 

ลูก 6 เดือน กินข้าวกี่โมง

คุณแม่หลายคนอาจจะสงสัยว่า ควรป้อนข้าวลูก 6 เดือน ตอนช่วงเวลาไหนของวันดี จำเป็นต้องป้อนอาหารตามมื้ออาหารเหมือนกับมื้ออาหารของผู้ใหญ่หรือไม่นะ

อันที่จริงแล้ว ไม่มีเวลากำหนดตายตัวสำหรับการเริ่มป้อนอาหารตามวัยเด็กทารก คุณแม่สามารถป้อนอาหารในช่วงเวลาใดของวันก็ได้ จะเป็นตอนเช้า สาย เที่ยง บ่าย หรือเย็น ก็ได้หมดค่ะ อาจจะเลือกช่วงเวลาที่ลูกน้อยกินนมไม่มาก เป็นช่วงบ่าย ๆ หรือช่วงเย็น เพื่อไม่ให้ลูกอิ่มเกินไป หรือจะเลือกป้อนอาหารในมื้อเช้าเลยก็ได้เช่นกัน

ในช่วงแรกที่เริ่มป้อนอาหารตามวัยเด็กทารก อาจจะต้องใช้เวลาในการกินอาหารนานกว่าปกติ คุณแม่ควรเผื่อเวลาในมื้ออาหารนั้น ๆ ไว้ รวมทั้งเน้นป้อนอาหารตามจังหวะการกินของลูกน้อย รอให้ลูกอ้าปากก่อนจะป้อนอาหาร และหยุดเมื่อลูกไม่ต้องการกิน หรือแสดงอาการอิ่ม

หากพบว่าในช่วงแรก ลูกน้อยไม่ยอมกิน กินน้อย หรือบางครั้งคายออกมา ให้รอป้อนใหม่ในมื้อต่อไป ไม่ควรฝืน หรือบังคับลูกน้อยให้กินอาหาร นอกจากนี้ยังควรปรับเปลี่ยนชนิดอาหารให้มีความหลากหลาย เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกน้อยได้ลองลิ้มรส และสัมผัสความหยาบของอาหารชนิดใหม่ ๆ

 

เด็ก 6 เดือน กินข้าวกี่ ml

คุณพ่อคุณแม่อาจสงสัยกันว่า ทารก 6 เดือนกินข้าวกี่ช้อน ถึงจะเหมาะสม ซึ่งปริมาณที่แนะนำสำหรับเด็กเล็กวัย 6 เดือนนั้น จะได้ดังนี้

  • ข้าวต้มสุกบดละเอียด 2 ช้อนกินข้าว (1 ช้อนโต๊ะ = 15 ml) 
  • ไข่แดงสุก 1/2 ฟอง 
  • ผักต้มสุกบดละเอียด 1/2 ช้อนกินข้าว 
  • เนื้อสัตว์บด 1 ช้อนกินข้าว 
  • น้ำมันพืช 1/2 ช้อนชา (1/2 ช้อนชา = 2.5 ml) 

อย่างไรก็ตาม เด็ก 6 เดือนที่เพิ่งจะเริ่มกินอาหารตามวัยนั้นในช่วงแรกถือเป็นเรื่องปกติมากค่ะที่ลูกจะกินไม่หมด หรือไม่ยอมกิน เนื่องจากลูกน้อยยังไม่ชินกับอาหารอื่น ๆ นอกจากนมแม่ จึงยังปฏิเสธอาหารชนิดใหม่ในระยะแรก หากลูกไม่ยอมกินเลย คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องพยายามจนท้อ หรือฝืนป้อนจนครบทุกคำ ถ้ามื้อเช้าลูกยังไม่ยอมกิน ก็ขยับไปป้อนมื้อกลางวันแทนได้เช่นกัน หรือถ้าแรก ๆ ลูกยังไม่ยอมกิน ก็ไม่ต้องกังวลค่ะ พยายามป้อนไปเรื่อย ๆ วันละนิด วันละหน่อย ป้อนข้าวได้สัก 1-2 ช้อนกินข้าวก็เป็นอันใช้ได้ เมื่อเวลาผ่านไปลูกน้อยก็เริ่มชินและกินอาหารตามวัยได้มากขึ้นไปเอง 

 

ตารางอาหารทารก 6 เดือน

หากคุณแม่ยังไม่แน่ใจว่าควรให้อาหารลูกน้อยในช่วงเวลาไหนบ้างดี มาลองดูตารางอาหารทารก 6 เดือน ข้างล่างนี้กันค่ะ เนื่องจากเด็กทารกมีความต้องการในการกินนม อาหาร และใช้เวลาในการนอนแตกต่างกันออกไป

ตารางข้างล่างนี้ อาจจะไม่ตรงตามกิจวัตรของเด็กทุกคน คุณแม่สามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับกิจวัตรของลูกน้อยได้

 

ช่วงเวลา

กิจวัตร/ประเภทอาหาร

07:00 น.

- ตื่นนอน

- ให้นมแม่

07.45 น.

- ให้อาหารตามวัยเด็กทารก 6 เดือน

08.45 – 10.45 น.

- นอน

10.45 น.

- ตื่นนอน

- ให้นมแม่

12.00 น.

- ให้นมแม่

12.30 – 14.30 น.

- นอน

14.30 น.

- ตื่นนอน

- ให้นมแม่

16.30 – 17.00 น.

- นอน

17.00 น.

- ตื่นนอน

- ให้นมแม่

17.45 น.

- ให้อาหารตามวัยเด็กทารก

18.45 น.

- ให้นมแม่

19.00 น.

- เข้านอน

 

เมนูอาหารมื้อแรกของลูก 6 เดือน

อาหารมื้อแรกของเด็ก 6 เดือน ไม่ต้องซับซ้อน ไม่ต้องอลังการค่ะ ควรเป็นอาหารที่ได้จากวัตถุดิบที่หาได้ง่ายตามท้องถิ่นอย่างพืชผักตามฤดูกาล เลือกวัตถุดิบที่สดใหม่มาประกอบอาหาร และต้องมีโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่

โดยวัตถุดิบหลัก ๆ อย่างข้าวเด็ก 6 เดือน สามารถเลือกเป็นข้าวหอมมะลิ หรือข้าวขาวอื่น ๆ ก็ได้ ผักก็เลือกเป็นผักง่าย ๆ อย่างแคร์รอต ฟักทอง ตำลึง เนื้อสัตว์ก็เลือกได้ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา เครื่องใน เป็นต้น และผลไม้ก็เลือกให้มีเนื้อนิ่ม เช่น มะม่วงสุก กล้วยสุก มะละกอสุก กีวีสุก นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้ลูกเคี้ยวและกลืนได้ง่าย

สำหรับวัตถุดิบหลักทุกอย่างที่กล่าวไปนั้นนำมาต้มให้สุก จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด เติมน้ำมันพืชลงไปสักครึ่งช้อนชา เพื่อเพิ่มพลังงานกลุ่มไขมันดีให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ขอย้ำว่าต้องบดให้ละเอียดเหมือนกับโยเกิร์ตเลยนะคะ เพื่อให้ลูกน้อยเคี้ยวง่าย กลืนง่าย ลดความเสี่ยงต่อการสำลักหรืออาหารติดคอ เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูอาหารมื้อแรกของลูก 6 เดือนแล้วค่ะ

และเมื่อลูกน้อยเริ่มกินอาหารตามวัยได้ดีขึ้น คุณพ่อคุณแม่จึงค่อย ๆ เริ่มทำสูตรเมนูเด็กเล็กแบบอื่น ๆ ที่หลากหลายขึ้นค่ะ

 

 

เมนูอาหารเด็ก 6 เดือน ที่ Enfa แนะนำ

เมนูเด็ก 6 เดือน คุณพ่อคุณแม่สามารถรังสรรค์ขึ้นได้จากวัตถุดิบทั่วไปที่หาได้ง่ายตามท้องถิ่น อย่างพืชผักตามฤดูกาล เนื้อสัตว์อย่างหมู ไก่ ปลา หรือแหล่งโปรตีนจากไข่ ควรเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่มาประกอบอาหาร เน้นการกินอาหารรสธรรมชาติ ไม่เสริม หรือปรุงแต่งรสอาหารเพิ่มเติม 

และถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ยังไม่รู้จะทำเมนูอาหารเด็ก 6 เดือน เมนูไหนดีให้ลูกน้อยกิน เอนฟามีู สูตรอาหารเด็ก 6 เดือน ที่ทำได้ง่าย และดีต่อสุขภาพของลูกน้อยมาฝากเป็นไอเดียที่น่าสนใจค่ะ

 

เมนูเพิ่มน้ำหนักลูก 6 เดือน

ข้าวบดไข่แดงและตำลึง

 

ภาพ: คู่มืออาหารตามวัยสำรับเด็กทารกและเด็กเล็ก

 

ส่วนประกอบ:

          - ข้าวสวย            4 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำแกงจืด          10 ช้อนโต๊ะ
          - ไข่แดง             ½ ฟอง
          - ตำลึง               1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันพืช          ½ ช้อนชา

วิธีทำ: นำข้าวสวยมาบดให้ละเอียด ระหว่างบดทยอยใส่น้ำแกงจืดไปเรื่อย ๆ บดและคนให้เข้ากัน หลังจากนั้นนำไข่แดงสุกลงไปบดต่อ ตามด้วยตำลึงต้มสุก บดให้เข้ากัน ก่อนจะเหยาะน้ำมันพืชปิดท้าย

 

ข้าวบดปลาทูและฟักทอง

 

ภาพ: คู่มืออาหารตามวัยสำรับเด็กทารกและเด็กเล็ก

 

ส่วนประกอบ:

          - ข้าวสวย                        4 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำแกงจืด                      10 ช้อนโต๊ะ
          - เนื้อปลาทูนึ่งทอด            1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - ฟักทอง                        1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันพืช                      ½ ช้อนชา

วิธีทำ: นำข้าวสวยหุงสุกมาบดให้ละเอียด ระหว่างบดทยอยใส่น้ำแกงจืดผสมลงไปเรื่อย ๆ คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่เนื้อปลาทูนึ่งทอดที่แกะก้างออกแล้ว บดผสมกับข้าว เมื่อเข้ากันแล้วใส่ฟักทองลงไปบด ผสมให้เข้ากัน ปิดท้ายด้วยการเหยาะน้ำมันพืช

 

แอปเปิลเพียวเร่

ส่วนประกอบ:

          - แอปเปิล           6 ลูก
          - ผงชินนามอน หรืออบเชยป่น

วิธีทำ: นำแอปเปิลมาล้างให้สะอาด ปลอกเปลือก และหั่นออกเป็นชิ้นเล็ก ใส่ลงหม้อต้มพร้อมกับน้ำสะอาดลงไปประมาณครึ่งแก้ว โรยผงอบเชยป่นเล็กน้อย คนให้เข้ากัน ก่อนจะตุ๋นด้วยไฟกลาง ใช้เวลาประมาณ 12 – 15 นาที นำมาปั่นให้เนื้อละเอียด ตักป้อนให้ลูกกินประมาณ 1 – 4 ช้อนโต๊ะ/มื้อ ส่วนที่เหลือสามารถใส่บล็อกพิมพ์ หรือบล็อกน้ำแข็งเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง เพื่อสามารถใช้ได้ในมื้อถัด ๆ ไป

 

ผักโขมและแอปเปิลเพียวเร่

ส่วนประกอบ:

          - ผักโขม             1 ถ้วย
          - แอปเปิล           1 – 2 ลูก
          - ผงอบเชยป่น
          - ผงกานพลูป่น
          - กระเทียมผง

วิธีทำ: นำผักโขมและแอปเปิลไปล้างให้สะอาด ปลอกเปลือกแอปเปิ้ล นำเม็ดออก และหั่นเป็นชิ้นเล็ก นำแอปเปิลใส่ลงไปในหม้อ ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย โรยด้วยผงอบเชยป่น กานพลูป่น และกระเทียมผงเล็กน้อย คนให้เข้ากัน ตุ๋นแอปเปิลประมาณ 12 – 15 นาที ให้แอปเปิลนิ่ม ยกออกจากเตา จากนั้นใส่ผักโขมลงไปในหม้อ รอให้เซ็ตตัวสักครู่ ก่อนจะนำไปบด หรือปั่น อาจจะเหยาะน้ำมันพืชประมานครึ่งช้อนชาก่อนเสิร์ฟเพิ่มก็ได้ ส่วนที่เหลือสามารถเก็บเข้าช่องแช่แข็งเพื่อใช้ในมื้อถัดไป

 

ข้าวบดไก่และกะหล่ำดอก

ส่วนประกอบ:

          - ข้าวสวย            4 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำแกงจืด          10 ช้อนโต๊ะ
          - เนื้อไก่ต้มสุก      1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - กะหล่ำดอก       1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันพืช          ½ ช้อนชา

วิธีทำ: นำข้าวสวยหุงสุกมาบด ระหว่างบดให้ทยอยใส่น้ำแกงจืดลงไปเรื่อย ๆ จากนั้นนำเนื้อไก่ต้มสุกมายีบดลงไปกับข้าวบด ตามด้วยกะหล่ำดอกบดให้เข้ากัน ปิดท้ายด้วยการเหยาะน้ำมันพืช

 

เมนูตับไก่ลูกน้อย 6 เดือน

มันม่วงบดตับไก่และเต้าหู้

ส่วนประกอบ:

          - มันม่วงต้มสุก                 4 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำแกงจืด                      10 ช้อนโต๊ะ
          - ตับไก่ต้มสุก                   1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - เต้าหู้                           1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมัน                           ½ ช้อนชา

วิธีทำ: นำมันม่วงต้มสุกแล้ว มาบดผสมกับน้ำแกงจืด จากนั้นใส่ตับไก่ต้มสุกบดผสมลงไป ตามด้วยเต้าหู้สุก บดให้เข้ากัน ปิดท้ายด้วยการเหยาะน้ำมันพืช

 

ข้าวบดตับไก่ เต้าหู้ และผักหวาน

 

ภาพ: คู่มืออาหารตามวัยสำรับเด็กทารกและเด็กเล็ก

 

ส่วนประกอบ:

          - ข้าวสวย                        4 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำแกงจืด                      10 ช้อนโต๊ะ
          - ตับไก่                          ¼ ช้อนโต๊ะ
          - เต้าหู้หลอดไข่ไก่             1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - ผักหวาน                       1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันพืช                      ½ ช้อนชา

วิธีทำ: นำข้าวสวยหุงสุกมาบด ผสมกับน้ำแกงจืดให้เข้ากัน จากนั้นนำตับไก่ที่ลวกสุกแล้วมาบดผสม ตามด้วยเต้าหู้หลอดไข่ไก่ต้มสุก และผักหวานลวกสุกบดให้เข้ากัน จากนั้นเหยาะน้ำมันพืชก่อนเสิร์ฟ

 

ข้าวบดฟักทองและตับไก่

ส่วนประกอบ:

          - ข้าวสวย            4 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำแกงจืด          10 ช้อนโต๊ะ
          - ตับไก่              1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - ฟักทอง            1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันพืช          ½ ช้อนชา

วิธีทำ: นำข้าวสวยหุงสุกมาบดผสมกับน้ำแกงจืด จากนั้นนำฟักทองนึ่ง หรือต้มสุกลงไปบดให้เข้ากัน ตามด้วยตับได่ต้มสุก บดผสมให้เข้าก่อน เหยาะน้ำมันพืชก่อนเสิร์ฟ

 

ข้าวบดตับไก่ แคร์รอต และเต้าหู้ไข่

ส่วนประกอบ:

          - ข้าวสวย                        4 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำแกงจืด                      10 ช้อนโต๊ะ
          - ตับไก่                          ¼ ช้อนโต๊ะ
          - เต้าหู้หลอดไข่ไก่             1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - แคร์รอต                         1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันพืช                      ½ ช้อนชา

วิธีทำ: นำข้าวสวยหุงสุกมาบดผสมกับน้ำแกงจืด จากนั้นบดตับไก่ต้มสุกลงไป ตามด้วยเต้าหู้หลอดไข่ไก่ที่ลวกสุกแล้ว และแคร์รอตต้มสุก บดให้เข้ากับส่วนผสมที่เหลือ จากนั้นเหยาะน้ำมันพืชก่อนเสิร์ฟ

 

ข้าวบดบรอกโคลี ตับไก่ และเต้าหู้

ส่วนประกอบ:

          - ข้าวสวย            4 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำแกงจืด          10 ช้อนโต๊ะ
          - ตับไก่              ¼ ช้อนโต๊ะ
          - เต้าหู้               1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - บรอกโคลี         1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันพืช          ½ ช้อนชา

วิธีทำ: นำข้าวสวยมาบดกับน้ำแกงจืดให้เข้ากัน จากนั้นใส่บรอกโคลีลวกสุกแล้วลงไปบด ตามด้วยตับไก่สุก และเต้าหู้สุก บดผสมให้เข้ากัน เหยาะน้ำมันพืชปิดท้าย

 

เมนูปลาสําหรับทารก 6 เดือน

ข้าวบดปลากระพงและถั่วลันเตา

ส่วนประกอบ:

          - ข้าวสวย            4 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำแกงจืด          10 ช้อนโต๊ะ
          - ปลากระพง        ¼ ช้อนโต๊ะ
          - ถั่วลันเตา          1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันพืช          ½ ช้อนชา

วิธีทำ: นำข้าวสวยมาบดกับน้ำแกงจืดให้เข้ากัน จากนั้นนำถั่วลันเตาต้มสุกมาบดกับข้าว ตามด้วยปลากระพงลวกสุกที่เอาก้างออกแล้วมายีและบดผสมให้เข้ากัน ก่อนเหยาะน้ำมันพืชปิดท้าย

 

ปลาบดแคร์รอตและต้นหอมญี่ปุ่น

ส่วนประกอบ:

          - ปลาเนื้อขาว                               12 ช้อนโต๊ะ
          - แคร์รอต                                     3 หัว
          - ต้นหอมญี่ปุ่น                             1 ต้น
          - น้ำเปล่า หรือน้ำนมแม่                  ½ ถ้วย

วิธีทำ: นำปลา แคร์รอต และต้นหอมญี่ปุ่นไปนึ่งให้สุกประมาณ 15 นาที จากนั้นนำมาพักไว้ให้เย็น เลาะก้างปลาออกให้เรียบร้อย เมื่อส่วนผสมเย็นแล้ว นำทุกอย่างลงเครื่องผสมอาหาร ปั่นให้เข้าเนื้อกัน ระหว่างนั้นทยอยใส่น้ำต้มสุกลงไปผสม หรือจะใช้น้ำนมแม่ ปั่นให้ทุกอย่างเข้าที่ อาจจะเหยาะน้ำมันพืชเพิ่มเติมเวลาเสิร์ฟ ส่วนที่เหลือสามารถเก็บเข้าช่องแช่แข็งไว้ใช้ในมื้อถัดไปได้

 

ปลา บรอกโคลี และมันหวานบด

ส่วนประกอบ:

          - มันหวาน           300 กรัม
          - บรอกโคลี         120 กรัม
          - พาร์สลีย์           3 ยอด
          - ปลาเนื้อขาว       200 กรัม
          - เนยจืด              30 กรัม
          - น้ำเปล่า หรือน้ำนมแม่

วิธีทำ: นำมันหวาน บรอกโคลี ล้างน้ำให้สะอาด หั่นออกเป็นชิ้นเล็กขนาดประมาณ 2 – 3 เซ็นติเมตร นำไปนึ่งพร้อมกับปลาเนื้อขาว ปลาควรเลาะก้างออกให้เรียบร้อย เมื่อนิ่งเสร็จแล้ว พักไว้ให้เย็น จากนั้นนำมันหวาน บรอกโคลี และปลาไปผสมในเครื่องผสมอาหาร ใส่เนยจืด ปั่น หรือบดให้เข้ากัน ตามด้วยพาร์สลีย์สับหยาบ ระหว่างที่ผสมทยอยใส่น้ำต้มสุก หรือน้ำนมแม่ผสมเรื่อย ๆ เพื่อให้เนื้อไม่แห้งไป

 

ข้าวบดปลาช่อนและกะหล่ำดอก

ส่วนประกอบ:

          - ข้าวสวย            4 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำแกงจืด          10 ช้อนโต๊ะ
          - ปลาช่อน           ¼ ช้อนโต๊ะ
          - กะหล่ำดอก       1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันพืช          ½ ช้อนชา

วิธีทำ: นำข้าวสวยมาบดกับน้ำแกงจืดให้เข้ากัน ตามด้วยกะหล่ำดอกสุก และปลาช่อนนึ่ง เอาแต่เนื้อ แกะก้างออกให้เรียบร้อย บดให้เข้ากัน เหยาะน้ำมันพืชก่อนเสิร์ฟ

 

ข้าวโอ๊ตตุ๋นบดปลาแซลมอนและแคร์รอต

ส่วนประกอบ:

          - ข้าวโอ๊ตตุ๋น        4 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำแกงจืด          8 ช้อนกินข้าว
          - ปลาแซลมอน     ¼ ช้อนโต๊ะ
          - แคร์รอต             1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันพืช          ½ ช้อนชา

วิธีทำ: นำข้าวโอ๊ตตุ๋นมาบดกับน้ำแกงจืดให้เข้ากัน ใส่แครอทต้มสุกแล้วบดกับข้าวโอ๊ต และปลาแซลมอนนึ่งสุก บดและผสมให้เข้ากัน เหยาะน้ำมันพืชก่อนเสิร์ฟ

 

เมนูไข่ลูก 6 เดือน

อโวคาโดบดไข่แดง

ส่วนประกอบ:

          - อโวคาโดสุก       1 ช้อนโต๊ะ
          - ไข่แดง             ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำนมแม่

วิธีทำ: บดอโวคาโดสุกให้เป็นเนื้อเดียวกัน ตามด้วยไข่แดงต้มสุกแล้ว ไม่ควรใช้ไข่แดงกึ่งสุกกึ่งดิบ หรือเป็นยางมะตูม บดให้เข้ากัน อาจจะใส่น้ำนมแม่ผสมลงไปเล็กน้อยเพื่อให้เนื้ออาหารไม่ข้นจนเกินไป

 

คัสตาร์ดกล้วย

ส่วนประกอบ:

          - กล้วยสุก                       1 ลูก
          - ไข่แดง                         2 ลูก
          - น้ำนมแม่                       ½ ถ้วย
          - เมล็ดแฟลกซ์บด             1 ช้อนโต๊ะ
          - อบเชยป่น                     ¼ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ: อุ่นเตาอบรอที่อุณหภูมิ 177 องศาเซลเซียส ผสมส่วนผสมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน กล้วยสุก ไข่แดง น้ำนมแม่ เมล็ดแฟลกซ์บด และอบเชยป่น เมื่อผสมเข้ากันแล้ว พักไว้ประมาณ 5 นาที คนให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นเทใส่ถ้วย นำถ้วยพิมพ์ใส่ถาด ใส่น้ำในถาดพิมพ์ให้สูงประมาณครึ่งถ้วย นำเข้าเตาอบประมาณ 25 – 35 นาที จนสุก สามารถเสิร์ฟตอนที่ยังอุ่น หรือเสิร์ฟแบบเย็นก็ได้

 

ฟักทองบดไข่แดง

ส่วนประกอบ:

          - ฟักทองสุก        1 ช้อนโต๊ะ
          - ไข่แดง             ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำนมแม่

วิธีทำ: บดฟักทองที่นึ่งสุกให้เป็นเนื้อเดียวกัน ตามด้วยไข่แดงต้มสุกแล้ว ไม่ควรใช้ไข่แดงกึ่งสุกกึ่งดิบ หรือเป็นยางมะตูม บดให้เข้ากัน อาจจะใส่น้ำนมแม่ผสมลงไปเล็กน้อยเพื่อให้เนื้ออาหารไม่ข้นจนเกินไป สามารถเพิ่มประมาณส่วนผสมได้ หากต้องการปริมาณที่มากขึ้น

 

มันหวานบดไข่แดง

ส่วนประกอบ:

          - มันหวาน           2 ลูก
          - ไข่แดง             2 ลูก
          - น้ำนมแม่           ¼ - 1 ถ้วย

วิธีทำ: นำมันหวานไปนึ่งจนสุก เมื่อสุกแล้วปลอกเปลือกออกให้หมด พักให้หายร้อน บดให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นใส่ไข่แดงลงไปบดให้เข้าตอน ระหว่างนั้น ทยอยใส่นมแม่ลงไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เนื้ออาหารไม่ข้นจนเกินไป อาจจะเหยาะน้ำมันพืชเล็กน้อยก่อนเสิร์ฟ

 

ข้าวบดไข่แดงและข้าวโพด

ส่วนประกอบ: 

          - ข้าวสวย            4 ช้อนโต๊ะ
          - น้ำแกงจืด          10 ช้อนโต๊ะ
          - ไข่แดง             ¼ ช้อนโต๊ะ
          - ข้าวโพด           1 ½ ช้อนโต๊ะ
          - น้ำมันพืช          ½ ช้อนชา

วิธีทำ: นำข้าวสวยหุงสุกบดกับน้ำแกงจืดให้เข้ากัน ตามด้วยข้าวโพดสุก เลือกข้าวโพดที่อ่อนเพื่อง่ายแก่การบด บดให้เข้ากับข้าว ตามด้วยไข่แดงสุดบดผสมให้เข้ากันทั้งหมด เหยาะน้ำมันพืชปิดท้าย

 

เมนูอาหาร BLW 6 เดือน

มันหวานึ่ง

ส่วนประกอบ: มันหวาน

วิธีทำ: นำมันหวานมาล้างให้สะอาด เอาไปนึ่งทั้งลูกให้สุก เมื่อสุกแล้วพักให้เย็น เอาเปลือกออกให้หมด และหั่นเป็นแท่ง หรือลูกเต๋าขนาดเล็ก และเสิร์ฟ

 

อโวคาโดสไลด์

ส่วนประกอบ: อโวคาโดสุก

วิธีทำ: ล้างอโวคาโดให้สะอาด จากนั้นหั่นเป็นสไลด์ ขนาดพอเหมาะให้มือลูกน้อยหยิบได้ง่าย และเสิร์ฟ

 

กล้วยหั่น

ส่วนประกอบ: กล้วยสุก

วิธีทำ: เลือกกล้วยสุก ปลอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นหนาเล็กน้อยเพื่อให้ลูกหยิบจับได้ และเสิร์ฟ

 

ขนมปังปิ้ง

ส่วนประกอบ: ขนมปัง

วิธีทำ: นำขนมปังไปอบให้พอกรอบ หรือจะใช้การจี่บนกระทะ เมื่อขนมปังได้ที่นำมาหั่นเป็นแท่งยาว อาจจะปาดอโวคาโดบดเล็กน้อยตอนเสิร์ฟก็ได้

 

เต้าหู้นึ่ง

ส่วนประกอบ: เต้าหู้ขาว

วิธีทำ: ล้างเต้าหู้ให้สะอาด นำลงนึ่งให้สุก เมื่อสุกแล้ว เสิร์ฟด้วยการหั่นเป็นแท่ง หรือลูกเต๋า ขนาดพอดีกับมือลูกน้อย

 

เตรียมอาหารให้ลูก 6 เดือน

การเตรียมอาหารให้ลูก 6 เดือน ไม่มีอะไรยุ่งยากอย่างที่คิด แม้เป็นพ่อแม่มือใหม่ก็เตรียมได้ง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ 

  • เลือกใช้ผักตามฤดูกาล เพราะหาซื้อได้ง่าย มีราคาถูก
  • เลือกใช้ผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ที่มีความสด สะอาด จากแหล่งที่เชื่อถือได้ มั่นใจว่าปลอดสารตกค้าง
  • ล้างทำความสะอาดวัตถุดิบให้ดี และปรุงให้สุกทั้งหมด
  • นำอาหารที่ต้มสุกแล้วมาบดให้ละเอียดเหมือนโยเกิร์ตก่อนนำไปป้อนให้ลูกน้อย
  • ไม่ปรุงรสชาติใด ๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากระบบไตของลูกน้อยยังทำงานไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถขับโซเดียมได้ดี เสี่ยงที่จะมีโซเดียมคั่งค้างในร่างกายและส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

 

เลือกโภชนาการที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่า

แม้ลูกน้อยวัย 6 เดือนควรจะเริ่มกินอาหารตามวัยได้แล้วก็จริง แต่อาหารมื้อหลักยังควรต้องเป็นนมแม่ เพราะมี MFGM สุดยอดสารอาหารในนมแม่ สารอาหารสมองชนิดเดียวที่ช่วยให้ลูกมี IQ ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ปีแรก ประกอบด้วยไขมันและโปรตีนกว่า 150 ชนิด รวมทั้งสฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซด์

 

ไขข้อข้องใจเรื่องการเตรียมอาหารมื้อแรกของลูก 6 เดือน

เด็ก 6 เดือนกินผลไม้อะไรได้บ้าง

สำหรับผลไม้แล้ว สามารถให้ลูกน้อยได้ทดลองกินผลไม้ได้หลากหลายชนิด ผลไม้เด็ก 6 เดือน อาจจะเน้นไปที่ผลไม้ที่หาได้ง่ายตามท้องตลาด มีเนื้อที่นิ่มและเคี้ยวได้ง่าย มีรสชาติไม่หวานจัด เช่น กล้วยน้ำว้า มะละกอสุก ส้ม สับปะรด แอปเปิ้ล มะม่วงสุก สาลี่ เป็นต้น

 
วิธีทําน้ำสต๊อกให้ลูก 6 เดือน

เนื่องจากอาหารตามวัยนั้นไม่ควรปรุงรสชาติใด ๆ ก็อาจเป็นความกังวลของคุณพ่อคุณแม่ที่อยากจะทำน้ำสต๊อกหรือน้ำซุปให้ลูก ไม่รู้จะปรุงรสหรือทำอย่างไรให้น้ำซุปอร่อยโดยไม่ปรุงรสได้

ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะน้ำซุปเด็ก 6 เดือน สามารถทำให้อร่อยโดยไม่ต้องปรุงรสได้ง่าย ๆ ดังนี้

  1. เริ่มจากตั้งหม้อน้ำให้ร้อนจนเดือด
  2. จากนั้นใส่ผักและเนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้ลงไป
  3. รอให้น้ำเดือดอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ ตักฟองออก โดยไม่ต้องคน
  4. เคี่ยวด้วยไฟอ่อนต่อเนื่องประมาณ 1–2 ชั่วโมง
  5. เสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำ และนำไปใช้ทำข้าวตุ๋นหรือน้ำซุปสำหรับลูกได้เลยค่ะ

โดยสูตรของน้ำสต๊อกที่นิยมใช้กัน จะมีวัตถุดิบที่แตกต่างกันไป ดังนี้

  • น้ำสต๊อกผัก ใช้ผักกาดขาว แคร์รอต หัวไชเท้า หอมใหญ่ มันฝรั่ง ข้าวโพด แอปเปิ้ล ฟักทอง มะเขือเทศ
  • น้ำสต๊อกหมู ใช้กระดูกหมู ผักกาดขาว แคร์รอต หัวไชเท้า หอมใหญ่ มันฝรั่ง ข้าวโพด มะเขือเทศ บีตรูต
  • น้ำสต๊อกไก่ ใช้โครงไก่ กะหล่ำปลี ผักกาดขาว แคร์รอต หัวไชเท้า หอมใหญ่ มันฝรั่ง ข้าวโพด ฟักทอง มะเขือเทศ เห็ดหอม

 

วิธีต้มข้าวให้ลูก 6 เดือน

เนื่องจากการปรุงอาหารสำหรับเด็ก 6 เดือน จะมีเนื้อสัมผัส หรือความหยาบของอาหารที่ค่อนข้างละเอียด ซึ่งต้องอาศัยวิธีการบดเข้ามาช่วยเพื่อให้ได้ความหยาบของอาหารในลักษณะนี้

ดังนั้นคุณแม่สามารถใช้ข้าวหุงสุกธรรมดาได้ หรือต้มข้าวต้มในแบบที่ต้มกินปกติได้ ก่อนจะนำมาบดเพื่อป้อนลูกน้อย

 
ข้าวเด็ก 6 เดือน ห้ามกินอะไรบ้าง

อาหารที่เด็ก 6 เดือนห้ามกิน มีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง แต่หลัก ๆ แล้วอาหารที่ต้องเลี่ยงคืออาหารดังต่อไปนี้

  • อาหารที่มีการปรุงด้วยเกลือ เนื่องจากระบบไตของลูกน้อยยังทำงานไม่เต็มที่ อาจเสี่ยงทำให้ขับโซเดียมออกได้ไม่หมด เสี่ยงต่อภาวะโซเดียมเกิน อาจทำให้ลูกมีอาการเซื่องซึม หรือมีอาการสมองบวมได้
  • อาหารที่ปรุงด้วยน้ำตาล เสี่ยงต่อฟันผุ น้ำตาลในเลือดสูง เสี่ยงต่อภาวะโรคอ้วนในเด็ก
  • น้ำผึ้ง ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี เพราะระบบลำไส้ของลูกน้อยยังไม่แข็งแรง และน้ำผึ้งมีแบคทีเรียที่สามารถผลิตสารพิษในลำไส้ของทารก ซึ่งนำไปสู่โรคโบทูลิซึมในทารก เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
  • อาหารที่ปรุงไม่สะอาด และไม่ผ่านการปรุงสุก เสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงในทารกได้

 

ทารก 6 เดือนกินข้าวกี่ช้อน

เด็ก 6 เดือน ควรได้กินข้าวในปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ เพื่อให้ได้รับพลังงานและสารอาหารที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม แม้เด็ก 6 เดือนจะเริ่มกินอาหารตามวัยได้แล้ว แต่ไม่ใช่เด็กทุกคนจะกินข้าวได้หมดตั้งแต่วันแรก ๆ หากลูกไม่ยอมกิน หรือกินได้นิดหน่อย แค่ 1 ช้อนโต๊ะก็ไม่เป็นไรค่ะ ฝึกกิน ฝึกป้อนไปสักพักลูกน้อยก็จะค่อย ๆ เจริญอาหารและกินข้าวได้มากขึ้นไปตามวัย

 

ผักสําหรับทารก 6 เดือน

คุณแม่สามารถลองให้ลูกน้อยกินผักได้หลากหลายชนิด โดยผักเด็ก 6 เดือน ควรเน้นไปที่ผักตามฤดูกาลที่มีในท้องถิ่น เพื่อความสดใหม่ของวัตถุดิบ โดยเฉพาะผักใบเขียวและผักสีส้ม เช่น ตำลึง ผักกาดขาว ฟักทอง ผักบุ้ง แครอท กะหล่ำดอก ผักหวาน บรอกโคลี ถั่วลันเตา เป็นต้น

 
ข้าวโอ๊ตสําหรับทารก 6 เดือน เตรียมยังไงดี

ในปัจจุบัน เราจะพบว่าผลิตภัณฑ์ประเภทข้าวโอ๊ตมีวางจำหน่ายด้วยกันหลายแบบ ที่พบบ่อย เช่น ข้าวโอ๊ตอบ ข้าวโอ๊ตอบชนิดละเอียด แผ่นข้าวโอ๊ตอบ จนไปถึงผงข้าวโอ๊ต เป็นต้น ซึ่งแต่ละชนืดก็จะใช้เวลาในการปรุงแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนประกอบสำคัญในการทำข้าวโอ๊ตสำหรับเด็กทารกนั้น คือตัวข้าวโอ๊ต และน้ำ

โดยควรเลือกซื้อข้าวโอ๊ตที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่เรียบร้อย มีเลขทะเบียนอย. เลือกชนิดที่ไม่มีการใส่สารปรุงแต่งสี กลิ่น และไม่ใส่สารกันบูด อาจจะเลือกข้าวโอ๊ตที่ผ่านการอบมาเรียบร้อย เนื่องจากจะใช้เวลาในการปรุงไม่นานและสุกเร็ว

ตัวอย่างการปรุงข้าวโอ๊ต: ใช้ข้าวโอ๊ตชนิดอบ 3 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำต้มสุก 2 เท่า ต้มให้เข้ากัน หากระหว่างต้มข้าวโอ๊ตมีลักษณะข้นเกินไป สามารถเติมน้ำเพิ่มได้ เมื่อต้มสุกแล้ว ใส่ผักและเนื้อสัตว์ตามความต้องการ รวมทั้งเหยาะน้ำมันพืชเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการในอาหาร สามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันถั่วเหลือและน้ำมันรำข้าว

 
อาหารเสริมทารก 6 เดือน  จำเป็นไหม

อาหารเสริมทารก 6 เดือนนั้น อาจแบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ

  • ไม่จำเป็น หากลูกน้อยมีร่างกายแข็งแรง เติบโตสมวัย และกินอาหารตามวัยได้เป็นอย่างดี ลูกน้อยจะได้รับวิตามินและสารอาหารผ่านทางอาหารในแต่ละมื้ออย่างเพียงพอ
  • จำเป็น หากลูกน้อยมีภาวะสุขภาพต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการพร่องวิตามินหรือสารอาหาร เช่น มีภาวะขาดวิตามินดี ขาดแคลเซียม ขาดธาตุเหล็ก แพทย์อาจแนะนำให้ทารกกินอาหารเสริมได้

อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้งที่จะป้อนยาหรืออาหารเสริมใด ๆ ก็ตามให้ลูกกิน เนื่องจากยาหรืออาหารเสริมบางชนิด อาจไม่ปลอดภัยต่อทารกค่ะ

 

เมนู BLW 6 เดือน เลือกยังไงดี

ข้อสำคัญที่สุดสำหรับการเริ่มเมนู BLW ของลูกวัย 6 เดือนนี้ก็คืออาหารจะต้องมีความนิ่มมาก ๆ มีขนาดที่พอดี สามารถหยิบเข้าปากได้ง่าย เพื่อให้ลูกน้อยเคี้ยวง่าย กลืนง่าย ไม่เสี่ยงต่อการสำลักอาหาร หรืออาหารติดคอ

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยในการกินอาหารแบบ BLW คุณพ่อคุณแม่จึงควรเลือกเมนูที่เหมาะสมได้หลากหลาย ดังนี้

  • เมนูผัก BLW เช่น แคร์รอตนึ่งหรือต้มสุกหั่นแท่ง ฟักทองนึ่ง หน่อไม้ฝรั่งต้มสุกหั่นชิ้น
  • เมนูเนื้อสัตว์ BLW เช่น หมูสับ ไก่สับ เนื้อปลาทอดหั่นชิ้นเล็ก ๆ
  • เมนูผลไม้ BLW เช่น กล้วยน้ำว้าสุกหั่นแว่น มะละกอสุกหั่นเต๋าพอดีคำ

 


บทความแนะนำสำหรับการกินอาหารเสริมตามวัยทารก (Solid Foods)

* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Cart TH Join Enfamama