Enfa สรุปให้

  • อาการท้องเสียในเด็กเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย อาหารที่ไม่เหมาะสมตามวัย อาหารเป็นพิษ การแพ้นมวัว หรือความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น

  • เมื่อลูกมีอาการท้องเสีย คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูแลให้ลูกดื่มน้ำหรือเกลือแร่ให้มาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ให้ลูกกินอาหารอ่อนหรืออาหารรสจืด เพื่อให้สามารถย่อยได้ง่าย งดอาหารรสจัดเพราะอาจทำให้อาการท้องเสียแย่ลง

  • หากลูกมีอาการท้องเสียติดต่อกันตั้งแต่ 2-3 วันขึ้นไป และเริ่มมีอาการของภาวะขาดน้ำ คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

เลือกอ่านตามหัวข้อ

     • ทำความเข้าใจอาการท้องเสีย
     • ท้องเสียอุจจาระเป็นยังไง
     • ลูกท้องเสียให้กินอะไรดี
     • ลูกท้องเสียกินยาอะไรดี
     • ลูกท้องเสียกี่วันหาย
     • ลูกท้องเสียหลายวัน อันตรายไหม
     • ลูกท้องเสีย แพ้โปรตีนนมวัวหรือป่าวนะ
     • ไขข้อข้องใจเรื่องลูกท้องเสียกับ Enfa Smart Club

อาการท้องเสีย ท้องร่วงในเด็ก มักก่อให้เกิดความวิตกกังวลต่อคุณพ่อคุณแม่ แต่อาการท้องเสียก็ถือว่าเป็นอาการทางสุขภาพที่พบได้ทั่วไปในเด็กค่ะ ขอเพียงคุณพ่อคุณแม่มีสติ และรู้จักวิธีรับมือกับอาการท้องเสีย ก็จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลลูกได้อย่างถูกต้อง และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนจากการท้องเสียได้

บทความนี้จาก Enfa จะพาคุณพ่อคุณแม่มาดูกันว่าถ้าหากลูกน้อยเกิดท้องเสียขึ้นมา จะรับมืออย่างไรถึงจะเหมาะสม

ทำความเข้าใจอาการท้องเสียของลูกน้อย


อาการท้องเสียในเด็ก เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น

          • การติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย: การติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการท้องเสียในเด็ก โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียจำพวก Salmonella, Escherichia coli (E. coli) หรือ Campylobacter ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้มักจะติดต่อผ่านทางอาหารและน้ำที่ไม่สะอาด หรือไม่ถูกสุขลักษณะ รวมถึงยังอาจจะได้รับผ่านการสัมผัสกับบุคคลที่ติดเชื้อดังกล่าว ผ่านการกอด การหอม การจูบ เป็นต้น เมื่อได้รับเชื้อเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย ก็อาจส่งผลให้ลูกท้องเสียได้

          • อาหารที่ไม่สมกับวัย: ทารกควรได้รับนมแม่ในช่วง 6 เดือนแรกเพียงอย่างเดียว เนื่องจากระบบทางเดินอาหารของทารกยังทำงานได้ไม่เต็มที่ การให้ทารกในวัยนี้กินอาหารชนิดอื่น ๆ จึงอาจส่งผลให้ทารกท้องเสียได้

          • อาหารเป็นพิษ: สำหรับเด็กที่กินอาหารตามวัยแล้ว ความสะอาดของวัตถุดิบและขั้นตอนในการปรุงอาหารถือเป็นเรื่องสำคัญค่ะ เพราะอาหารที่ไม่สะอาดและมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค อาหารที่ปรุงไม่สุก อาจส่งผลให้ลูกน้อยมีอาการอาหารเป็นพิษที่เกิดจากแบคทีเรีย เช่น  Salmonella หรือ Campylobacter ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการท้องร่วง อาเจียน และปวดท้องได้

          • แพ้โปรตีนนมวัว: เด็กที่เริ่มกินนมวัวได้แล้ว บางครั้งคุณแม่อาจจะเพิ่งมาค้นพบว่าลูกน้อยมีอาการแพ้นมวัว หรือแพ้โปรตีนนมวัว ซึ่งหนึ่งในอาการสำคัญของการแพ้โปรตีนในนมวัวก็คืออาการท้องเสีย เนื่องจากร่างกายมีปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนในนมวัวที่ผิดปกติ และส่งผลต่อกระบวนการย่อยอาหารที่ผิดปกติ จึงก่อให้เกิดอาการท้องเสียได้เมื่อดื่มนมวัวหรือกินอาหารที่ทำมาจากผลิตภัณฑ์จากนมวัว ซึ่งอัตราการเพิ่มขึ้นของโรคแพ้โปรตีนนมวัวนี้ในปัจจุบันพบว่ามีตัวเลขที่สูงขึ้นทุกปีเลยทีเดียวค่ะ

          • ยารักษาโรค: ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ สามารถทำลายสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ของเด็ก และนำไปสู่อาการท้องเสียได้ โดยเฉพาะยารักษาโรคจำพวก ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) หรือยาป้องกันอาการชักบางชนิด อาจทำให้ระบบทางเดินอาหารของลูกน้อยทำงานผิดปกติและเกิดอาการท้องเสียได้

          • ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร: บางครั้งอาการท้องเสียของลูกอาจจะมาจากความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารบางอย่าง เช่น โรคเซลิแอค โรคโครห์น หรือลำไส้ใหญ่อักเสบ อาการต่าง ๆ เหล่านี้อาจทำให้เด็กท้องเสียเรื้อรังได้

ลักษณะอุจจาระทารกท้องเสีย


ปกติแล้วเรามักจะจำแนกลักษณะอาการท้องเสียจากจำนวนการขับถ่าย หากขับถ่ายติดต่อกันหลายครั้งในหนึ่งวัน อาจเป็นไปได้ว่าลูกกำลังมีอาการท้องเสีย แต่จำนวนครั้งในการขับถ่ายนั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่สามารถบอกอะไรได้มากนัก ในกรณีที่เป็นอาการท้องเสียในเด็กทารกค่ะ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากทารกแรกเกิดที่อายุยังไม่ถึง 2 เดือน แทบไม่สามารถแยกได้เลยว่าลูกน้อยกำลังท้องเสียอยู่หรือเปล่าท้องเสียนั้น แม้จะสังเกตดี ๆ ก็ยังถือว่ายากที่จะแยกความแตกต่างได้ เนื่องจากเด็กแรกเกิดมักจะมีการขับถ่ายบ่อยอยู่แล้ว ทารกแรกเกิดบางคนอาจขับถ่ายมากถึง 6 ครั้งต่อวันเป็นปกติ

ขณะเดียวกันทารกที่มีอายุตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป ก็ยังมีอาการถ่ายมากเป็นปกติค่ะ ซึ่งก็ยังถือว่ายากอยู่ดีที่จะบอกว่าทารกถ่ายบ่อยแบบนี้กำลังท้องเสียอยู่หรือเปล่า เพราะอาจจะใช่ หรือไม่ใช่ก็ได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนครั้งในการขับถ่ายของทารกจะไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่าทารกกำลังท้องเสียอยู่หรือเปล่า

แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะสังเกตลักษณะของอุจจาระควบคู่ไปด้วยได้ค่ะ หากพบว่าลูกน้อยขับถ่ายมากผิดปกติ และอุจจาระของลูกมีปริมาณน้ำหรือของเหลวที่ไหลปนออกมาค่อนข้างมาก หรือมากจนผิดปกติอาจเป็นไปได้ว่าลูกกำลังท้องเสียค่ะ

ลูกท้องเสียให้กินอะไรดี


เมื่อลูกมีอาการท้องเสีย สิ่งสำคัญคือต้องพยายามให้ลูกดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไปจากการขับถ่ายหลายครั้ง สำหรับเด็กที่ยังกินนมอยู่ คุณแม่สามารถให้นมลูกต่อไปได้ค่ะ

หากในกรณีที่คุณแม่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ และมีความจำเป็นต้องใช้นมผงสำหรับเด็กทดแทน ก็ยังคงสามารถให้นมได้ตามปกติค่ะ เพื่อทดแทนของเหลวที่เสียไป และเพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

ส่วนเด็กที่กินอาหารตามวัยแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกกินอาหารรสจืด หรืออาหารอ่อน เช่น ข้าวธัญพืช กล้วยบด ผักบด ซีเรียล ผลไม้นิ่ม เช่น กล้วย อะโวคาโด เป็นต้น รวมถึงควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง เพราะเสี่ยงที่จะทำให้อาการท้องเสียแย่ลงได้ค่ะ

ลูกท้องเสียกินยาอะไรดี


ปกติแล้วเวลาที่ลูกท้องเสีย แพทย์จะไม่แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ไปหาซื้อยาหยุดถ่ายมาให้ลูกกินนะคะ เพราะการใช้ยาเองโดยไม่อยู่ในขอบข่ายการดูแลและคำแนะนำของแพทย์ อาจทำให้อาการท้องเสียแย่ลง หรือส่งผลเสียต่อระบบการขับถ่ายของลูกได้

ทางที่ดีควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษา จากนั้นแพทย์จะพิจารณาจากสาเหตุและจ่ายยาที่เหมาะสมกับเด็กให้เองค่ะ ซึ่งส่วนมากแล้ว แพทย์มักจะสั่งจ่ายในกรณีที่มีอาการท้องเสียนั้นมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย

สมัครเป็นสมาชิก Enfa Smart Club กับชมวันนี้ ลุ้นรับ MacBook Air

ลูกท้องเสียกี่วันหาย


ทารกท้องเสียกี่วันหาย? ตอบได้ยากค่ะ เพราะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย รวมถึงอาจขึ้นอยู่กับระบบภูมิคุ้มกันของเด็กด้วย แต่โดยมากแล้วอาการมักจะดีขึ้นตามลำดับภายใน 2 - 3 วันค่ะ

อย่างไรก็ตาม หากลูกมีอาการท้องเสียนานกว่า 2 - 3 วัน หรือหากมีอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย เช่น มีอาการขาดน้ำ อุจจาระเป็นเลือด หรือมีไข้สูง ควรพาลูกไปพบแพทย์ทัน

ลูกท้องเสียหลายวัน อันตรายไหม? แม่จะรับมือยังไงดี?


หากลูกมีอาการท้องเสียติดต่อกันนานเกิน 2 - 3 วัน กรณีนี้ถือว่าเริ่มน่าเป็นกังวลค่ะ เพราะอาการท้องเสียที่ติดต่อกันนานหลายวัน อาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำซึ่งเสี่ยงเป็นอันตรายที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะขาดน้ำในเด็กเล็ก  

ดังนั้น หากลูกมีอาการท้องเสียเป็นเวลาหลายวัน หรือเริ่มแสดงสัญญาณของอาการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันทีค่ะ 

          • ลูกมีอาการของภาวะขาดน้ำ เช่น ปริมาณปัสสาวะที่ลดลง ปากแห้ง เซื่องซึม ร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา กินนมน้อยลง กระหม่อมบุ๋ม เปลี่ยนผ้าอ้อมน้อยลงกว่าปกติ จากปกติต้องเปลี่ยนหลายครั้งต่อวัน 

          • ทารกแรกเกิดที่อายุน้อยกว่า 3 เดือน และมีอาการท้องเสีย  

          • ลูกมีอาการท้องเสียและมีไข้ร่วมด้วย  

          • มีเลือดปนออกมากับอุจจาระ 

          • เบื่ออาหาร กินอาหารน้อยลง 

          • มีอาการอ่อนเพลีย เซื่องซึม  

          • มีอาการท้องเสียตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป  

อาการท้องเสียจากการแพ้โปรตีนนมวัวอันตรายกว่าที่คิด คุณพ่อคุณแม่ต้องรีบรับมือตั้งแต่วันนี้


หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เด็กมีอาการท้องเสียได้ง่ายนั่นก็คือ อาการแพ้โปรตีนนมวัว หรืออาการแพ้นมวัว ซึ่งแน่นอนว่าหากไม่เคยพาลูกไปตรวจหาสารก่อภูมิแพ้มาก่อน คุณพ่อคุณแม่ก็แทบจะไม่รู้เลยค่ะว่าลูกมีอาการแพ้นมวัว เพราะในแต่ละวันลูกไม่ได้ดื่มแค่นมวัวอย่างเดียว แต่ยังกินอาหารอื่น ๆ มากมายในแต่ละมื้อ

ดังนั้น จึงอาจจะเข้าใจว่าลูกแพ้อาการอย่างอื่นจนท้องเสีย และมองข้ามอาการแพ้นมวัวไป ซึ่งอาการแพ้นมวัวในเด็กนั้น ถือว่าเป็นหนึ่งในอาการภูมิแพ้อาหารที่ไม่ควรปล่อยไว้ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กบางคนที่มีอาการแพ้รุนแรง การดื่มนมวัวอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้

อย่างไรก็ตาม หากถามว่าอาการแพ้นมวัวนี้รักษาได้ไหม ก็คงต้องตอบว่าอาการแพ้นมวัวสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่กระบวนการรักษานั้นต้องใช้เวลา ต้องเลือกสารอาหารที่เหมาะสมกับลูก และต้องเลือกวิธีการรักษาให้เหมาะสมกับลูกด้วย ซึ่งอาการแพ้นมวัวนั้น ยิ่งตรวจพบได้ตั้งแต่ลูกยังเล็ก ๆ ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ดีค่ะ

เนื่องจากเด็กมีแนวโน้มจะหายจากอาการแพ้นมวัวได้ง่าย และสามารถกลับมาดื่มนมวัวและกินอาหารที่มีส่วนผสมจากผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมวัวได้ตามปกติเร็วขึ้นด้วย โดยหนึ่งในวิธีลดความเสี่ยงของอาการแพ้นมวัวนั้น สามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการให้ลูกกินนมแม่ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนค่ะ

เพราะในนมแม่นั้นมีทั้งสารอาหารที่จำเป็นหลายชนิด รวมทั้งยังมีสารภูมิคุ้มกันที่มีส่วนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของลูกน้อยแข็งแรง ลดความเสี่ยงการโปรตีนนมวัว อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรงดการรับประทานนมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัวด้วยเช่นกัน เพราะเด็กบางคนสามารถมีอาการแพ้โปรตีนนมวัวผ่านจากการรับนมแม่ได้

ในกรณีที่คุณแม่มีน้ำนมไม่พอหรือไม่สามารถให้นมแม่ไม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งแพทย์มักแนะนำ “โปรตีนที่ผ่านการย่อยอย่างละเอียด* (EHP)” โปรตีนนมขนาดเล็กที่มีคุณสมบัติ Hypoallergenic ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และอาจมีโพรไบโอติกส์ เช่น LGG ซึ่งช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เพื่อหยุดอาการแพ้นมวัว รวมถึงลดโอกาสเกิดภูมิแพ้อื่น ๆ ในอนาคต

ปัจจุบันนี้ จำนวนของเด็กแพ้นมวัวหรือเด็กแพ้โปรตีนนมวัวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญตั้งแต่ลูกยังเล็กนะคะ เพราะถ้าหากปล่อยไว้เรื่อย ๆ จากอาการแพ้นมวัวเพียงอย่างเดียว จะเริ่มส่งผลให้ลูกเริ่มมีอาการภูมิแพ้ลูกโซ่ ที่ทำให้ลูกมีอาการแพ้ชนิดอื่น ๆ ตามมาได้

ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่รู้วิธีรับมือ ป้องกัน และแก้ไข อาการแพ้นมวัวหรือแพ้โปรตีนนมวัวก็สามารถที่จะบรรเทาลงได้ หรือสามารถรักษาให้หายขาดได้ตั้งแต่ลูกอายุยังน้อย และยังสามารถลดความเสี่ยงของภูมิแพ้ชนิดอื่น ๆ ที่อาจจะตามมาในอนาคตได้ค่ะ

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้เด็ก

*อ้างอิงจากแนวทางการรักษาโรคแพ้โปรตีนนมวัวของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย หน้า 33

ไขข้อข้องใจเรื่องลูกท้องเสียให้รับประทานอะไรดี


 ลูก 1 ขวบท้องเสีย กินยาอะไรดี?

อาการท้องเสียนั้นมักจะรักษาตามอาการค่ะ สำหรับอาการท้องเสียนั้น สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดคือการให้เกลือแร่เพื่อช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำ และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดน้ำ 

ส่วนยาหยุดถ่ายต่าง ๆ นั้น ควรได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เสียก่อนนะคะ หรือถ้าจะให้ดีควรพาลูกไปพบแพทย์และให้แพทย์สั่งจ่ายยาโดยตรงจะเป็นผลดีต่อลูกมากกว่าค่ะ 

 ลูก 2 ขวบท้องเสีย ให้กินอะไรดี?

หากลูกท้องเสีย พยายามให้ลูกดื่มน้ำหรือเกลือแร่เพื่อลดการสูญเสียน้ำ และป้องกันภาวะขาดน้ำ เน้นกินอาหารรสจืด หรืออาหารอ่อน เลี่ยงอาหารรสจัดเพราะอาจทำให้อาการท้องเสียของลูกแย่ลงได้ค่ะ  

 ลูก 3 ขวบท้องเสีย ให้กินอะไรดี?

หากลูกท้องเสีย พยายามให้ลูกดื่มน้ำหรือเกลือแร่เพื่อลดการสูญเสียน้ำ และป้องกันภาวะขาดน้ำ เน้นกินอาหารรสจืด หรืออาหารอ่อน เลี่ยงอาหารรสจัดเพราะอาจทำให้อาการท้องเสียของลูกแย่ลงได้ค่ะ 

 ลูก 4 ขวบท้องเสีย ให้กินอะไรดี?

หากลูกท้องเสีย พยายามให้ลูกดื่มน้ำหรือเกลือแร่เพื่อลดการสูญเสียน้ำ และป้องกันภาวะขาดน้ำ เน้นกินอาหารรสจืด หรืออาหารอ่อน เลี่ยงอาหารรสจัดเพราะอาจทำให้อาการท้องเสียของลูกแย่ลงได้ค่ะ 



บทความแนะนำสำหรับอาการภูมิแพ้ในเด็ก