Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ทารกวัย 1 เดือน ถือเป็นช่วงวัยที่มีความบอบบางสูง จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและตลอดเวลา คุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องคอยดูแลทั้งเรื่องการกิน การนอน การขับถ่าย และการเล่น เพื่อดูแลให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่สมบูรณ์และสมวัย สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรง
น้ำหนักและส่วนสูงของทารกที่เพิ่งคลอดออกมาได้ 1 เดือนนั้น จะมีความแตกต่างกันไปเล็กน้อยค่ะ เด็กแต่ละคนจะมีน้ำหนักและส่วนสูงที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ตามเกณฑ์ที่เหมาะสม แต่ก็มีบ้างบางกรณีที่ทารกวัย 1 เดือนมีน้ำหนักและส่วนสูงที่เกินมาตรฐานที่ควรจะเป็น
น้ำหนักทารก 1 เดือน
น้ำหนักของทารกวัย 1 เดือนนั้น สามารถแบ่งออกตามเพศโดยกำเนิดได้ดังนี้
ส่วนสูงทารก 1 เดือน
ส่วนสูงของทารกวัย 1 เดือนนั้น สามารถแบ่งออกตามเพศโดยกำเนิดได้ดังนี้
ทารกแรกเกิดวัย 1 เดือน ยังไม่ควรที่จะกินอาหารชนิดอื่น ๆ ค่ะ เพราะระบบทางเดินอาหารและระบบย่อยอาหารของทารกนั้นยังทำงานได้ไม่เต็มระบบ ดังนั้น แหล่งโภชนาการที่สำคัญที่สุดก็คือ นมแม่ และทารกควรจะได้กินนมแม่เพียงอย่างเดียวและต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน หรือนานสูงสุด 2 ปี
โภชนาการสำหรับทารก 1 เดือน
นมแม่ถือเป็นอาหารที่สำคัญที่สุดสำหรับทารกวัยแรกเกิด - 6 ซึ่งในนมแม่นั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญมากมายหลายชนิด ทั้งยังมีสารภูมิคุ้มกันที่มีส่วนช่วยให้ทารกแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายด้วย
โดยสารอาหารสำคัญที่พบได้ในนมแม่ เช่น
ปริมาณนมที่เหมาะสมสำหรับทารก 1 เดือน
สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งจะคลอดเบบี๋ออกมาได้ 1 เดือน อาจจะกำลังสงสัยอยู่ว่า เวลาให้นมลูกเนี่ย ลูก 1 เดือนกินกี่ออนซ์? หรือลูก 1 เดือนกินกี่ออนซ์ต่อครั้ง?
ซึ่งปริมาณนมแม่ในแต่ละวันที่เหมาะสมกับเด็กทารกวัย1 เดือน คุณแม่ควรจะต้องให้ทารกกินนมครั้งละ 3-4 ออนซ์ ในทุก ๆ 2-4 ชั่วโมงค่ะ
เรื่องของการขับถ่าย ก็ถือเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องหมั่นสังเกตและเอาใจใส่อยู่เสมอนะคะ เพราะบางครั้งอุจจาระของทารกก็สามารถที่จะบอกถึงความผิดปกติได้เหมือนกัน
ทารก 1 เดือนถ่ายวันละกี่ครั้ง
การขับถ่ายของทารกวัย 1 เดือนแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันค่ะ เด็กบางคนอาจจะขับถ่าย 3-4 ครั้งต่อวัน ขณะที่เด็กบางคนอาจจะขับถ่ายแค่เพียง 1 ครั้งต่อวันก็มี อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วทารกวัย 1 เดือน จะขับถ่ายอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อวันค่ะ
สีอุจจาระทารก 1 เดือนเป็นอย่างไร
เด็กทารกที่กินนมแม่ จะมีอุจจาระเป็นสีเหลืองเข้มค่ะ ดังนั้น สีอุจจาระของทารกวัย 1 เดือน ก็จะเป็นสีเหลืองหรือสีเหลืองเข้มค่ะ เนื่องจากทารกในวัยนี้จะได้รับอาหารแค่เพียงนมแม่อย่างเดียวเท่านั้น
ทารก 1 เดือนไม่ถ่าย นานแค่ไหนผิดปกติ
อาการท้องผูกไม่ได้พบแค่ในเด็กโตนะคะ เพราะทารก 1 เดือนท้องผูก ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกันค่ะ
อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่พบว่าลูกไม่ถ่ายเลย 1-2 วันติดกัน ตรงนี้ยังถือว่าปกติค่ะ ทารกอาจจะกลับมาถ่ายเหมือนเดิมในอีกวันถัดไป หรือบางครั้งทารกไม่ขับถ่ายเลยตั้งแต่ 3-4 วัน ก็มี
ตราบเท่าที่อุจจาระของทารกยังนิ่มอยู่ แม้ว่าจะ 2-3 วันถึงจะถ่ายออกมาสักที ก็ยังถือว่าปกติค่ะ อุจจาระที่ผิดปกติของทารกคือ อุจจระที่เป็นก้อนแข็ง แห้ง และเบ่งออกยาก
อย่างไรก็ตาม หากพบว่าทารกไม่ขับถ่ายเลยมากกว่า 1 สัปดาห์ขึ้นไป คุณพ่อคุณแม่อาจจะสันนิษฐานได้เบื้องต้นว่าทารกน่าจะมีอาการท้องผูก ให้ลองบรรเทาอาการท้องผูกด้วยการนวดท้องเป็นวงกลมเบา ๆ หรือจะลองทำท่าปั่นจักรยานให้ทารกก็ได้ แต่ถ้าหากยังไม่มีทีท่าว่าทารกจะถ่ายจริง ๆ ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรงจวินิจฉัยดูค่ะว่าลูกน้อยกำลังมีความผิดปกติใด ๆ เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือไม่
ทารกวัย 1 เดือนนั้น ยังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนอยู่ค่ะ แต่ก็ถือว่าโตพอที่จะเริ่มสนใจต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัว จนในบางครั้งก็พบว่าทารกเริ่มนอนกลางวันยากขึ้น แต่จะไปอ่อนเพลียและง่วงนอนในตอนกลางคืนแทน
ทารก 1 เดือนนอนกี่ชั่วโมง
โดยปกติแล้วการนอนของทารกวัย 1 เดือนนั้นจะมีช่วงเวลาในการนอนค่อนข้างยาวค่ะ โดยจะแบ่งเป็นนอนตอนกลางวัน 8-9 ชั่วโมง และนอนตอนกลางคืนอีก 8-9 ชั่วโมง รวมระยะเวลาการนอนทั้งวันก็จะอยู่ที่ประมาณ 16-19 ชั่วโมงต่อวันเลยค่ะ
ลูก 1 เดือนไม่ยอมนอนกลางคืน นอนยาก ปกติไหม ควรรับมืออย่างไร
ปัญหาทารกไม่ยอมนอน นอนยาก แม่มือใหม่หลาย ๆ คนสามารถที่จะพบปัญหาเหล่านี้ได้ตั้งแต่ตอนที่ลูกอายุแค่ 1 เดือนเลยค่ะ ซึ่งวิธีรับมือง่าย ๆ คือ
ทารกวัย 1 เดือน มีพฤติกรรมและพัฒนาการตามวัยหลายอย่างที่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกต บางอย่างอาจเป็นเรื่องปกติของพัฒนาการเด็กในวัยนี้ แต่บางอย่างก็อาจจะเป็นสัญญาณความผิดปกติที่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยหรือรับการรักษา
อาการน้ำลายไหล ทารกน้ำลายไหลยืด หรือทารก 1 เดือน เล่นน้ำลาย จริง ๆ แล้วเป็นไปได้ทั้ง 2 กรณีค่ะ กล่าวคือโดยหลักแล้วอาการน้ำลายไหลของทารกนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ ไม่นานก็หาย
แต่บางครั้งอาการน้ำลายไหลยืด ก็อาจเป็นพลพวงมาจากความผิดปกติอื่น ๆ ด้วย เช่น การสบของฟันผิดปกติ ทารกมีแผลในปาก กล้ามเนื้อรอบปากไม่แข็งแรง ทารกติดการใช้จุกหลอก หรืออาจเป็นความผิดปกติของระบบประสาท
หากเป็นกังวลว่าอาจจะเป็นสัญญาณความผิดปกติ คุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะพาลูกไปเข้ารับการตรวจวินิจฉัยกับแพทย์ได้ค่ะ
ทารก 1 เดือนชอบแลบลิ้น ทำท่าลิ้นจุกปาก ลักษณะเช่นนี้เป็นพฤติกรรมที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติของทารกวัยก่อน 4-6 เดือนค่ะ เมื่อโตขึ้นก็จะค่อย ๆ หายไปเอง
โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับ กล่าวคือ เวลาที่คุณพ่อหรือคุณแม่จะเอานิ้วเข้าปากลูก หรือจะเอาเต้านมเข้าปากลูก สิ่งที่ลูกจะทำโดยทันทีก็คือการอ้าปาก จากนั้นก็จะแลบลิ้นออกมา หรือบางครั้งก็เกิดขึ้นเพราะทารกหายใจทางปาก เพราะหายใจทางจมูกไม่สะดวก เนื่องจากเป็นหวัด หรือหายใจไม่ออก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บางครั้ง อาการแลบลิ้น ทำลิ้นจุกปากนี้ ก็สามารถเป็นสัญญาณความผิดปกติได้ด้วยเหมือนกัน โดยอาจจะเกิดจาก
หากเป็นกังวลว่าอาจจะเป็นสัญญาณความผิดปกติ คุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะพาลูกไปเข้ารับการตรวจวินิจฉัยกับแพทย์ได้ค่ะ
ทารกเพศชายวัย 1 เดือน จะมีน้ำหนักประมาณ 4.5 กิโลกรัม ส่วนทารกเพศหญิงวัย 1 เดือน จะมีน้ำหนักประมาณ 4.2 กิโลกรัม ดังนั้น หากลูกอายุ 1 เดือน แต่มีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ดังกล่าว หรือลูก 1 เดือนน้ำหนักไม่ขึ้นตามเกณฑ์ปกติ อาจเป็นไปได้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับทารก คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปเข้ารับการตรวจวินิจฉัยกับแพทย์ค่ะ
ปกติแล้วอาการตัวเหลืองนั้นจะพบได้ในเด็กหลังคลอด และถือว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ เพราะตับของทารกยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ไม่สามารถกำจัด บิลิรูบิน (Bilirubin) ออกทางตับได้ เมื่อไม่สามารถขับออกมาได้อย่างที่ควรจะเป็น จึงทำให้ทารกมีอาการตัวเหลือง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป 1-2 สัปดาห์ หรือทารกมีอายุเข้า 1 เดือน อาการตัวเหลืองก็จะค่อย ๆ หายไปค่ะ
แต่ถ้าหากทารก 1 เดือนตัวเหลือง และไม่มีท่าทีว่าอาการตัวเหลืองจะหายไป กรณีเช่นนี้ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยค่ะ
ทารก 1 เดือน แม้จะยังเล็กมากเหลือเกิน แต่ก็เริ่มมีพัฒนาการที่สามารถสังเกตเห็นได้แล้วนะคะ โดยพัฒนาการทารก 1 เดือนนั้น สามารถแบ่งออกได้หลายด้าน ดังนี้
พัฒนาการทารกด้านการเรียนรู้
• เริ่มมีพัฒนาการในการมองเห็น สามารถมองเห็นใบหน้าคุณแม่ได้ชัดขึ้นกว่าตอนแรกเกิด โดยเฉพาะเมื่อมีคนเข้าใกล้ โดยเป็นผลมาจากสมองเริ่มสั่งการกล้ามเนื้อตา ให้สามารถจับภาพใบหน้าของผู้คน รวมทั้งเส้นประสาทตาทั้งคู่ทำงานร่วมกันได้ดีมากขึ้น
• ลูกน้อยเริ่มเรียนรู้ว่า ช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาสำหรับการนอน และจะเริ่มปรับตัวให้นอนหลับในช่วงกลางคืน
พัฒนาการทารกด้านร่างกาย และการเคลื่อนไหว
• ในเดือนนี้ลูกยังไม่สามารถพยุงศีรษะให้ตั้งตรงได้ และมักจะหงายไปข้างหลัง หรือผงกมาด้านหน้า เวลาอุ้มลูกน้อยจึงต้องประคองบริเวณคอไว้ให้ดี
• ถ้าจับลูกนอนคว่ำ ลูกจะสามารถหันหน้าไปด้านข้างเพื่อหายใจได้ และเมื่อจับนอนหงายอาจพลิกตัวตะแคงข้างได้
• การเคลื่อนไหวแขนขาของลูกยังเป็นไปในลักษณะของปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติอยู่
• หากขณะที่ลูกขยับแขนไปมาแล้วบังเอิญมือมาใกล้ ๆ ปาก ลูกจะดูดอมมือนั้นอย่างสบายใจทีเดียว
พัฒนาการทารกด้านภาษา และการสื่อสาร
• ยังสื่อสารกับคนรอบข้างด้วยเสียงร้อง ยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือ และเงียบเสียงลงเมื่อมีคนมาอุ้ม
• เมื่อได้ยินเสียงคน ลูกจะส่งเสียงโต้ตอบได้เป็นบางครั้ง
• เสียงร้องของลูกคือการสื่อสารชนิดเดียวที่เขาสามารถบอกกับคนรอบข้างได้ว่า เขารู้สึก หิว ร้อน หนาว เปียกแฉะ และไม่สบายเนื้อตัว คุณแม่และผู้เลี้ยงดูจึงต้องคอยใส่ใจและหมั่นสังเกต จับให้ได้ว่าเสียงร้องของลูกหมายถึงอะไร เพื่อตอบสนองได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
พัฒนาการทารกด้านภาษา และการสื่อสาร
• สามารถคาดเดาอารมณ์ความรู้สึกของลูกได้บ้างจากสีหน้า แววตา และท่าทาง เช่น ยามที่ลูกรู้สึกพึงพอใจ สีหน้าจะนิ่ง ๆ ดวงตาสุกใส ขยับแขนขาไปมา แต่ถ้าไม่สบอารมณ์ก็จะเบ้หน้าร้องไห้
• ลูกจะสงบ และมีอารมณ์ที่ดีหากช่วงเวลาที่ลูกตื่นนอน คุณแม่ได้อุ้มไปเดินเล่น รับแดดอุ่น เปลี่ยนบรรยากาศแทนการนอนอยู่แต่ในที่เดิม ๆ พร้อมพูดคุยกับลูกไปด้วย
การเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อยนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นจะต้องรอจนลูกโต หรือมีอายุครบปีก่อนถึงจะเริ่มได้ เพราะสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ตอนที่ลูกอายุได้ 1 เดือนเลยค่ะ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถที่จะกระตุ้นพัฒนาการของลูกได้ ดังนี้
1. พัฒนาการเด็ก 1 เดือน ด้านสติปัญญาและการเรียนรู้
พัฒนาการมองเห็น จุดเริ่มต้นของสติปัญญาและการเรียนรู้ของลูก
การมองเห็นของทารกเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของพัฒนาการเด็ก 1 เดือนที่ดีในด้านการเรียนรู้และสติปัญญาของเด็ก ในบรรดาประสาทสัมผัสทั้ง 5 ประสาทตาของเด็กจะเป็นส่วนที่ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ที่สุด เด็กวัยแรกเกิด- 3 เดือนนั้น การมองเห็นของเขายังพัฒนาไม่เต็มที่ สามารถมองได้ในระยะ 1 ฟุตเท่านั้น มีทักษะการเพ่งมองจำกัด จึงเรียนรู้โดยเปรียบเทียบสีตัดกันชัดเจน เช่น สีดำตัดกับสีขาว และชอบมองวัตถุที่เคลื่อนไหวมากกว่าวัตถุที่อยู่นิ่งๆ ซึ่งวัตถุลักษณะนี้ที่อยู่ใกล้เขาที่สุดก็คือ ใบหน้าแม่ที่มีผมสีดำล้อมอยู่รอบๆ คือดวงตาแม่ที่มีลักษณะกลม และสีตัดกันชัดเจนระหว่างตาขาวและตาดำ และที่สำคัญคือดวงตาสามารถกลอกไปมาได้
ดังนั้น เพื่อเป็นการเสริมพัฒนาการเด็ก 1 เดือนในด้านการมองเห็นของทารก คุณแม่จึงควรจ้องหน้าลูกใกล้ๆ พร้อมกลอกตาไปทางซ้ายที ขวาที ไม่นานลูกก็จะคอยมองตามลูกตาสีดำ ๆ ที่ตัดกับตาขาวของเรา ซึ่งการใช้สายตาของทารกเช่นนี้จะมีผลโดยตรงต่อระดับสติปัญญาและพัฒนาการทารก 1 เดือน เพราะในระหว่างที่ทารกกำลังจ้องมองวัตถุนั้น เซลล์สมองจะเติบโต และสร้างเซลล์ประสาทเชื่อมต่อจุดต่าง ๆ เพื่อเตรียมสมองให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ในด้านอื่น ๆ ด้วย
เคล็ดลับกระตุ้นการมองเห็นของทารก : นอกจากการจ้องมองหน้าลูกแล้ว การนำแผ่นกระตุ้นสายตาที่มีสีขาว-ดำ-แดง หรือโมบายล์มาห้อยให้ลูกดูเหนือเตียงนอนของลูกในระยะประมาณ 1 ฟุต ติดกระจกในมุมที่ลูกมองเห็น เพื่อกระตุ้นการมองของลูกและเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก 1 เดือนที่ดีเยี่ยม
2. พัฒนาการเด็ก 1 เดือน ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหวรู้
ออกกำลังกล้ามเนื้อ เพื่อร่างกายและการเคลื่อนไหวที่ดี
แม้ลูกวัย 1 เดือน จะใช้เวลาส่วนใหญ่นอนหลับ แต่ก็มีช่วงที่เขาตื่นมากินนมและนอนเล่น ซึ่งคุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกนอนเฉย ๆ ควรได้ใช้โอกาสนี้ ในการส่งเสริมพัฒนาการทารก 1 เดือนในด้านร่างกายและการเคลื่อนไหวของลูก เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ซึ่งคุณแม่สามารถทำได้ดังนี้
การส่งเสริมพัฒนาการเด็ก 1 เดือน ควรเน้นความพอเหมาะพอควร ควรทำช่วงสั้น ๆ คุณแม่ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นลูกมากเกินไป เพราะวัยนี้ลูกยังต้องการนอนหลับเต็มอิ่มวันละหลายชั่วโมงค่ะ
3. พัฒนาการเด็ก 1 เดือน ด้านภาษาและการสื่อสาร
เพลงรักจากแม่ ปูพื้นฐานทางภาษาของลูก
เราต่างก็รู้กันดีแล้วว่า การได้ยินของเด็กพัฒนาตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว ดังนั้นทันทีที่ลืมตาดูโลก ลูกก็พร้อมที่จะซึมซับทั้งเสียง ท่วงทำนอง คำ และประโยคจากพ่อแม่ เพื่อสร้างคำพูดของตนเองออกมาในอนาคต แม้ช่วงวัยขวบปีแรกนี้ ลูกจะยังไม่เข้าใจความหมายของคำที่พูด แต่ก็สามารถแปลความหมายจากการสังเกตอารมณ์พ่อแม่ขณะพูดได้
จากการวิจัยพบว่า เสียงเพลงที่แม่ร้องกล่อมให้ลูกนอน เสียงที่พ่อแม่พูดคุยกับลูกวัยทารกอย่างอ่อนโยน เสียงหัวเราะหยอกเย้าระหว่างพ่อแม่ลูกจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการสื่อสารของลูกและเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก 1 เดือนได้ โดยเสียงที่ลูกได้ยินจะไปกระตุ้นให้สมองส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับภาษาให้เกิดการทำงาน ซึ่งเป็นการเตรียมลูกให้มีความพร้อมสำหรับการพูดหรือการใช้ภาษาพูด รวมทั้งยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็ก 1 เดือนในด้านอารมณ์และสังคมให้ลูกด้วย
ดังนั้น คุณแม่จึงไม่ควรมองข้ามการร้องเพลงกล่อมลูกด้วยน้ำเสียงของคุณแม่เอง โดยอาจเป็นเพลงที่คุณแม่ชื่นชอบ หรือเพลงเด็กง่าย ๆ มาร้องให้ลูกฟังบ่อย ๆ จะช่วยเสริมสร้างพื้นฐานด้านภาษาและการสื่อสาร รวมทั้งพัฒนาการทางอารมณ์ของลูกได้
4. พัฒนาการเด็ก 1 เดือน ด้านอารมณ์และสังคม
อุ้มลูกเดินเล่น พัฒนาอารมณ์ลูก
แม้ลูกวัย 1 เดือน จะใช้เวลาส่วนใหญ่นอนหลับ แต่ก็ช่วงที่เขาตื่นมากินนมและยังไม่หลับนั้น คุณแม่ลองถามตัวเองสิคะว่าปล่อยให้ลูกนอนเฉย ๆ หรือเปล่า หากปล่อยให้ลูกนอนเฉย ๆ ขอแนะนำให้คุณแม่ อุ้มลูกขึ้นมาจากเตียงนอนหรือเปลของเขา แล้วพาเขาเดินเล่นชมนกชมไม้
การที่คุณแม่อุ้มลูกไว้ในอ้อมแขนเดินเล่นไปรอบๆ บ้าน รับแสง รับแดด เปลี่ยนบรรยากาศแทนการนอนอยู่แต่ในที่เดิม ๆ พร้อมพูดคุยกับลูกไปด้วย ยังช่วยให้ลูกรับรู้ถึงความรักความอบอุ่นที่แม่ส่งมาถึง รับรู้ถึงสัมผัสอันอ่อนโยนขณะที่แม่โอบกอดเขา ส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดีของลูกค่ะ
เพราะฉะนั้นในแต่ละวัน คุณแม่จึงควรอุ้มลูกขึ้นมาเดินเล่นบ้างอย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อลูกน้อยมีความฉลาดทางอารมณ์ค่ะ
แน่นอนค่ะว่าทารกวัย 1 เดือนตัวเล็กจิ๋วนี้ยังไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมานั่งเล่นของเล่นอะไรได้มากมาย แต่อย่าลืมว่าเด็กวัยนี้ก็มีพัฒนาการเพิ่มมากขึ้นและสามารถที่จะตอบสนองต่อของเล่นชิ้นต่าง ๆ ได้แล้ว เพียงแต่ของเล่นเหล่านั้นจะต้องเป็นของเล่นที่มีสีสันและมีเสียง เพื่อกระตุ้นให้เด็ก ๆ ได้มีประสาทสัมผัสตอบโต้กับเสียงจากของเล่นที่ได้ยิน และเด็กวัยนี้ก็สามารถที่จะเอื้อมมือไปหยิบหรือจับของเล่นได้บ้างนิดหน่อยด้วย
โดยของเล่นที่เหมาะสมกับเด็กทารกวัย 1 เดือน คือของเล่นจำพวก
สิ่งสำคัญคือ ควรเลือกของเล่นที่มีความปลอดภัย ผลิตจากวัสดุที่ได้มาตรฐาน และเวลาเล่นจะต้องอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่เสมอ เพราะเด็กอาจจะเผลอหยิบของเล่นบางชิ้นเข้าปาก อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ค่ะ
ตารางการเลี้ยงลูกนั้น อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละครอบครัว แต่โดยพื้นฐานสำหรับเด็กทารกวัย 1 เดือนนั้น ก็จะไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่นักค่ะ เน้นสำคัญอยู่ที่กินให้พอ นอนให้พอ เพื่อให้ทารกได้มีพัฒนาการที่แข็งแรงและสมวัย
หากทารไม่ถ่ายเลยติดต่อกัน 2 วัน ยังไม่ถือว่าผิดปกติค่ะ ตราบเท่าที่อุจจาระของทารกยังนิ่มอยู่ แม้ว่าจะ 2-3 วันถึงจะถ่ายออกมาสักที ก็ยังถือว่าปกติค่ะ อุจจาระที่ผิดปกติของทารกคือ อุจจระที่เป็นก้อนแข็ง แห้ง และเบ่งออกยาก
แต่ถ้าทารกไม่ขับถ่ายเลย 1 สัปดาห์ขึ้นไป อาจจะต้องหาเวลาพาลูกไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยดูว่าทารกกำลังท้องผูก หรือมีความผิดปกติอื่น ๆ หรือไม่
ในแต่ละวันทารกวัย 1 เดือนควรจะต้องได้กินนมแม่ครั้งละ 3-4 ออนซ์ ในทุก ๆ 2-4 ชั่วโมงค่ะ หากวันไหนทารกเริ่มกินได้น้อยลง หรือกินน้อยลงติดต่อกันตั้วแต่ 1-2 วันขึ้นไป อาจจะต้องหาเวลาพาลูกไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยดูว่าทารกกำลังมีความผิดปกติอื่น ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถกินนมได้ตามปกติหรือเปล่า
หากทารกไม่ยอมขับถ่าย และมีอาการร้องไห้ งอแง อาจเป็นไปได้ว่าทารกมีอาการท้องผูก หรือมีปัญหาที่ระบบทางเดินอาหาร คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องหาเวลาพาลูกไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยดูว่าทารกกำลังท้องผูก หรือมีความผิดปกติอื่น ๆ หรือไม่
น้ำหนักของทารกวัย 1 เดือนนั้น สามารถแบ่งออกตามเพศโดยกำเนิดได้ดังนี้
ดังนั้น หากทารกหนัก 4 โลกว่า ๆ ก็ยังไม่ถือว่าผิดปกตินะคะ
หากทารกได้รับการกระแทก หรือกระทบกระเทือนที่ศีรษะไม่รุนแรง ให้รีบทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทำแผลให้สะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อที่แผล
แต่ถ้าหากทารกได้รับการกระแทกที่ศีรษะรุนแรง กรณีนี้นอกจากจะต้องปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ก็ยังจะต้องรีบพาทารกไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาด้วย
Enfa สรุปให้ ทารกสามารถมองเห็นได้ตั้งแต่แรกคลอด แต่จะยังไม่สามารถมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้อย่างชั...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ทารกแรกเกิดแม้จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการกินนมและนอนหลับ แต่เด็กวัยนี้ก็พร้อมสำหรับขอ...
อ่านต่อพัฒนาการของลูกน้อยวัย 3 เดือน ด้านการเรียนรู้ ทารกแรกเกิดวัย 3 เดือนนั้นจะมีประสาทสัมผัสต่อผ...
อ่านต่อ