Leaving page banner
 
Leaving page banner
 

amniocentesis

เจาะน้ำคร่ำ จำเป็นไหม แล้วใครบ้างที่ควรเจาะน้ำคร่ำ

 

Enfa สรุปให้

  • น้ำคร่ำ คือ ของเหลวที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันทารกจากการถูกกดทับหรือรัดจากสายสะดือ และป้องกันไม่ให้หายสะดือถูกทารกกดทับ และช่วยสร้างพัฒนาการทางกล้ามเนื้อ ระบบทางเดินหายใจ และปอดของทารก

  • เจาะน้ำคร่ำ หรือ Amniocentesis คือ การใช้เข็มขนาดเล็กเจาะผ่านท้องเพื่อนำเอาน้ำคร่ำออกมาทำการตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อหาความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์ วินิจฉัยโรคความผิดปกติทางพันธุกรรม

  • การเจาะน้ำคร่ำสามารถทำได้เมื่อมีอายุครรภ์ตั้งแต่ 15-20 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงอายุครรภ์ที่มีน้ำคร่ำประมาณ 200 ซีซี และแพทย์จะทำการเจาะเอาน้ำคร่ำออกไปประมาณ 20 ซีซี โดยที่หลังจากเจาะน้ำคร่ำไปผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมง น้ำคร่ำก็จะทยอยผลิตขึ้นมาใหม่


การคลอดทารกที่มีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง และมีพัฒนาการสมวัย เป็นหนึ่งในความปรารถนาอันดับแรกของคุณแม่ทุกคน แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่ใช่ทุกคนจะพบกับความสมหวังนั้นเสมอไป เพราะยังมีเด็กอีกหลายคนที่คลอดออกมาแล้วมีความผิดปกติ ความพิการ หรือเป็นโรคทางพันธุกรรม

ด้วยเหตุนี้ กระบวนการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอดจึงเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้คุณแม่ได้ทราบว่าทารกในครรภ์มีความเสี่ยงหรือมีแนวโน้มต่อความผิดปกติใดบ้าง ซึ่งหนึ่งในวิธีการตรวจครรภ์ที่ให้ผลลัพธ์แม่นยำก็คือ เจาะน้ำคร่ำ เพื่อตรวจครรภ์

แต่การเจาะน้ำคร่ำให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำจริงหรือ แล้วจะมีความเสี่ยงตามมาไหม หากทารกเกิดความผิดปกติ คุณแม่ควรทำอย่างไร เรามาไขข้อข้องใจเรื่องนี้กันค่ะ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

     • น้ำคร่ำคืออะไร
     • เจาะน้ำคร่ำคืออะไร
     • ทำไมต้องเจาะน้ำคร่ำ
     • ความเสี่ยงของการเจาะน้ำคร่ำ
     • เมื่อไหร่ที่ควรไปเจาะน้ำคร่ำ
     • การเตรียมตัวก่อนเจาะน้ำครร่ำ
     • เจาะน้ำคร่ำเจ็บไหม
     • เจาะน้ำคร่ำ ราคาเท่าไหร่
     • เจาะน้ำคร่ำ ตรวจดาวน์ซินโดรม แม่นยำแค่ไหน
     • ผลเจาะน้ำคร่ำพบความผิดปกติ ทำอย่างไรดี
     • ไขข้องใจเกี่ยวกับการเจาะน้ำคร่ำและการตรวจครรภ์กับ Enfa Smart Club

ทำความรู้จักกับการเจาะน้ำคร่ำ


น้ำคร่ำ คืออะไร?

ก่อนจะไปรู้จักกับการเจาะน้ำคร่ำ ต้องเข้าใจก่อนว่า น้ำคร่ำ คืออะไร และมีความสำคัญต่อทารกอย่างไร โดยน้ำคร่ำ คือ ของเหลวที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันทารกจากการถูกกดทับหรือรัดจากสายสะดือ และป้องกันไม่ให้สายสะดือถูกทารกกดทับ

มากไปกว่านั้น น้ำคร่ำยังทำหน้าที่เป็นพื้นที่ให้ทารกสามารถขยับและเคลื่อนไหวได้ รวมถึงทำหน้าที่ในการพัฒนากล้ามเนื้อ ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และปอดของทารกอีกด้วย

การเจาะน้ำคร่ำคืออะไร?

เจาะน้ำคร่ำ หรือ Amniocentesis คือ การใช้เข็มขนาดเล็กเจาะผ่านท้องเพื่อนำเอาน้ำคร่ำออกมาทำการตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อหาความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์ วินิจฉัยโรคความผิดปกติทางพันธุกรรม หรือตรวจสอบโครโมโซมของทารกว่าผิดปกติหรือเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ หรือไม่

ทำไมต้องเจาะน้ำคร่ำ: เจาะน้ำคร่ำตรวจครรภ์ดีอย่างไร?


การเจาะน้ำคร่ำ เพื่อวินิจฉัยการตั้งครรภ์ มีข้อดีอยู่ด้วยกันหลายประการ ดังนี้

  • ตรวจหาโรคทางพันธุกรรม การเจาะน้ำคร่ำจะช่วยหาแนวโน้มความเสี่ยงของโรคทางพันธุกรรมที่อาจมาจากพ่อหรือแม่ หรือทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะ เช่น ดาวน์ซินโดรม โรคธาลัสซีเมียรุนแรง

  • ตรวจการทำงานปอดของทารก น้ำคร่ำมีส่วนช่วยพัฒนาระบบทางเดินหายใจและปอดของทารก การเจาะน้ำคร่ำไปตรวจ จะช่วยให้ทราบว่าปอดของทารกทำงานเป็นปกติหรือไม่ หรือปอดของทารกสมบูรณ์พอที่จะทำให้ทารกมีชีวิตรอดไปจนถึงกำหนดคลอดหรือไม่

  • ตรวจหาการติดเชื้อของทารกในครรภ์ บางกรณีแม่อาจเกิดการติดเชื้อขึ้น และการติดเชื้อนั้นอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ การเจาะน้ำคร่ำตรวจจะช่วยให้ทราบว่าทารกกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงของการติดเชื้อหรือไม่

ความเสี่ยงของการเจาะน้ำคร่ำ


การเจาะน้ำคร่ำ แม้จะมีผลที่แม่นยำ แต่ก็ตามมาด้วยความเสี่ยงสูงหลายประการ ดังนี้

  • เกิดการติดเชื้อที่รกและถุงน้ำคร่ำ

  • มีเลือดออกทางช่องคลอด

  • น้ำคร่ำแตก หรือน้ำเดินก่อนกำหนด

  • มีอาการตกเลือด

  • ทารกแท้ง

  • ทารกคลอดก่อนกำหนด

เมื่อไหร่ควรไปเจาะน้ำคร่ำ


การเจาะน้ำคร่ำสามารถทำได้เมื่อมีอายุครรภ์ตั้งแต่ 16-20 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงอายุครรภ์ที่มีน้ำคร่ำประมาณ 200 ซีซี และแพทย์จะทำการเจาะเอาน้ำคร่ำออกไปประมาณ 15-20 ซีซี โดยที่หลังจากเจาะน้ำคร่ำไปผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมง น้ำคร่ำก็จะทยอยผลิตขึ้นมาใหม่

ซึ่งแพทย์มักจะวินิจฉัยให้คุณแม่ที่มีแนวโน้มความเสี่ยงสูงเท่านั้นทำการเจาะน้ำคร่ำ เพื่อตรวจหาความผิดปกติในครรภ์ในกรณีที่ทารกมีแนวโน้มของความเสี่ยงที่อาจจะนำไปสู่ดาวน์ซินโดรม หรือความผิดปกติในการตั้งครรภ์อื่น ๆ

การเตรียมตัวก่อนเจาะน้ำคร่ำ


ก่อนจะเริ่มทำการเจาะน้ำคร่ำ อาจมีกระบวนการดังนี้

  • แพทย์จะทำการให้ข้อมูลถึงกระบวนการในการเจาะน้ำคร่ำ และถามความสมัครใจจากพ่อและแม่

  • อาจมีการขอให้ลงนามเพื่ออนุญาติให้ทำการเจาะน้ำคร่ำ

  • คุณแม่ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบว่ามีอาการแพ้ยา หรืออาการทางสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจจะส่งผลต่อการเจาะน้ำคร่ำ

  • ก่อนทำการเจาะน้ำคร่ำ ไม่ต้องมีการงดทำกิจกรรม หรืองดอาหารและเครื่องดื่มเป็นพิเศษ แต่ควรมีกับการถ่ายหรือปัสสาวะให้เรียบร้อย

เจาะน้ำคร่ำเจ็บไหม?


การเจาะน้ำคร่ำ แม่จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย อาการเจ็บจะคล้าย ๆ กับตอนที่ถูกเจาะเลือด ซึ่งหลังจากเจาะน้ำคร่ำเสร็จแล้ว แพทย์จะให้แม่พักเพื่อสังเกตอาการประมาณ 30 นาที แล้วจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้

เจาะน้ำคร่ำ ราคาเท่าไหร่?


การตรวจครรภ์โดยการเจาะน้ำคร่ำ ก็มีค่าใช้จ่ายไม่ต่างไปจากการตรวจครรภ์ด้วยวิธีอื่น ๆ แต่ราคานั้นก็จะแตกต่างกันไปตามแต่สถานพยาบาล ราคาเจาะน้ำคร่ำโรงพยาบาลรัฐบาล กับโรงพยาบาลเอกชน ก็จะมีเรทราคาที่ไม่เหมือนกัน

โดยราคาเจาะน้ำคร่ำโรงพยาบาลรัฐบาลอาจมีราคาค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 3,000-9,000 บาท ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนอาจจะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ซึ่งคุณแม่สามารถสอบถามข้อมูลอัปเดตเพิ่มเติมได้โดยตรงจากสถานพยาบาลที่สนใจ

เจาะน้ำคร่ำตรวจดาวน์ซินโดรม แม่นยำแค่ไหน?


ความผิดปกติของทารกในครรภ์บางอย่าง อาจสามารถพบได้จากการอัลตราซาวด์ ขณะที่โรคทางพันธุกรรมบางประเภทอย่าง ดาวน์ซินโดรมนั้นไม่สามารถจะตรวจพบได้แม่นยำจากการอัลตราซาวด์เพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องมีการตรวจเฉพาะทางร่วมด้วย เพื่อดูว่ามีโครโมโซมคู่ใดที่ผิดปกติและมีแนวโน้มที่ทารกในครรภ์จะเป็นดาวน์ซินโดรมหรือไม่

ซึ่งการตรวจดาวน์ซินโดรมด้วยการเจาะน้ำคร่ำ ถือเป็นวิธีที่แม่นยำ แต่ก็มีความเสี่ยงสูง เพราะมีกรณีที่เจาะน้ำคร่ำแล้วทำให้เกิดการแท้งขึ้น โดยแม่ที่ทำการเจาะน้ำคร่ำ 500 คน จะเกิดการแท้งจากการเจาะน้ำคร่ำ 1 คน

อย่างไรก็ตาม การเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจหาดาวน์ซินโดรมนั้น จะทำในกรณีที่แม่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น คือ

  • แม่ตั้งครรภ์ตอนอายุมากกว่า 35 ปี

  • มีประวัติคลอดลูกที่เป็นดาวน์ซินโดรมมาก่อน

  • สมาชิกในครอบครัวมีประวัติการคลอดบุตรที่เป็นดาวน์ซินโดรม

  • พบความผิดปกติบางประการที่อาจนำไปสู่ดาวน์ซินโดรม เช่น ทารกขาสั้นผิดปกติ ลิ้นของทารกโตกว่าปกติ

  • การตรวจพบความเสี่ยงต่อภาวะดาวน์ซินโดรมจากการตรวจเลือด

ทำอย่างไรถ้าผลเจาะน้ำคร่ำออกมาว่าทารกมีความผิดปกติ


หลังจากเจาะน้ำคร่ำแล้ว จะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ จนกว่าผลตรวจจะออก ซึ่งเมื่อผลลัพธ์ออกมาแล้ว หากพบว่าทารกมีความผิดปกติจริง แพทย์ก็จะอธิบายถึงแนวโน้มความเสี่ยงต่อจากนั้น และประเมินแนวทางการรักษา หรือในกรณีที่ทารกติดเชื้อร้ายแรงที่อาจส่งผลกระทบต่อแม่ด้วย แพทย์อาจแนะนำให้ยุติการตั้งครรภ์ เพื่อความปลอดภัยของแม่ หรือในกรณีที่ทารกมีความผิดปกติ หรือพิการ อาจให้พ่อและแม่ทำการตัดสินใจว่าจะยุติการตั้งครรภ์หรือไม่

ไขข้องใจเกี่ยวกับการเจาะน้ำคร่ำและการตรวจครรภ์กับ Enfa Smart Club


1. เจาะน้ำคร่ำแพงไหม? ราคาเจาะน้ำคร่ำโรงพยาบาลรัฐบาลเท่าไหร่?

การเจาะน้ำคร่ำ อาจมีราคาค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 3,000 - 9,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลแต่ละแห่ง

อย่างไรก็ตาม บางสถานพยาบาลของรัฐก็มีการตรวจเจาะน้ำคร่ำในแม่กลุ่มเสี่ยงฟรี ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อมูลที่อัปเดตมากที่สุดควรสอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายในการเจาะน้ำคร่ำกับสถานพยาบาลที่สนใจหรือสถานพยาบาลที่ฝากครรภ์โดยตรง

2. เจาะน้ำคร่ำ รู้เพศชัวร์ไหม?

หากเป็นการเจาะน้ำคร่ำเพื่อนำไปตรวจเพื่อหาความผิดปกติของโครโมโซม ซึ่งโครโมโซมก็สามารถที่จะบอกได้ว่าทารกในครรภ์เป็นเพศอะไร ดังนั้น จึงสามารถที่จะทราบเพศของลูกได้จากการเจาะน้ำคร่ำ

แต่มักไม่นิยมทำการตรวจเพศของทารกด้วยวิธีนี้ เพราะส่วนมากจะดูเพศลูกในท้องด้วยการอัลตราซาวด์ซึ่งสะดวกและมีความเสี่ยงน้อยกว่า

3. เจาะน้ำคร่ำ ต้องรอผลกี่วัน?

หลังเจาะน้ำคร่ำ จะต้องรอผลตรวจจากห้องปฏิบัติการประมาณ 1 - 3 สัปดาห์ ซึ่งขึ้นอยู่กับการตรวจว่าตรวจหาความผิดปกติอะไรด้วย

4. คนท้องต้องเจาะน้ำคร่ำทุกคนไหม?

คนท้องไม่จำเป็นต้องเจาะน้ำคร่ำทุกคน เนื่องจากการเจาะน้ำคร่ำมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น จึงมักจะทำการเจาะน้ำคร่ำในแม่ตั้งครรภ์ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น

5. เจาะน้ำคร่ำกับเจาะเลือด แบบไหนดีกว่ากัน?

หากพูดถึงความเสี่ยงจากการตรวจ การเจาะเลือดเพื่อตรวจหาความผิดปกติในการตั้งครรภ์ ก็อาจจะดีกว่า เพราะไม่มีความเสี่ยงที่รุนแรง ขณะที่การเจาะน้ำคร่ำนั้นมีความเสี่ยงตั้งแต่ การติดเชื้อ ไปจนถึงการแท้ง

อย่างไรก็ตาม การตรวจทั้งสองประเภทก็จะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน ซึ่งอาจจำเป็นจะต้องใช้ข้อมูลอื่น ๆ อย่างอายุครรภ์ ประวัติความเสี่ยงทางสุขภาพ ไปจนถึงความผิดปกติที่พบ มาประกอบการวินิจฉัย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำสูงสุด

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

EFB Form

EFB Form