สุขภาพจิตเด็ก ถือเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ให้ความสำคัญไม่แพ้การดูแลสุขภาพกาย เพราะการที่ลูกเป็นเด็กอารมณ์ดี มีความร่าเริงแจ่มใสนั้น มีผลต่อพัฒนาการของลูกในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น สมอง จิตใจ และร่างกาย แต่หากลูกอารมณ์ไม่ดีก็จะส่งผลให้พัฒนาการด้านจิตใจช้าลงไปด้วย ซึ่งหัวใจสำคัญ ที่ทำให้เด็กเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ นั้นมาจากครอบครัวที่มีความรัก ความอบอุ่น โดยเฉพาะลูกน้อยที่เกิดมาเป็นเด็กในยุคเจเนอเรชัน อัลฟ่า (Generation Alpha) ซึ่งเป็นยุคแห่งเทคโนโลยีข่าวสาร พ่อแม่เองก็ใช้ชีวิตอยู่ในอินเทอร์เน็ตแทบจะตลอดเวลา ลูกน้อยจึงเติบโตมากับเทคโนโลยี ข่าวสาร ทำให้สามารถเรียนรู้เทคโนโลยีได้รวดเร็ว ว่องไว และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลกระทบที่เกิดจากข้างต้นทำให้ เด็ก ๆ ที่เกิดมาในยุคนี้จะมีความอดทนค่อนข้างต่ำ สมาธิสั้น ขาดความรับผิดชอบได้ง่าย และมีปัญหาที่สำคัญคือ ขาดการออกกำลังกาย ชอบอยู่กับตัวเอง มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและสังคมจริง ๆ น้อย และปรับตัวยาก แล้วคุณพ่อคุณแม่จะดูแลสุขภาพร่างกายและ สุขภาพจิต ของลูก ๆ ให้เติบโตแข็งแรงอย่างไร ลองนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ในการ เลี้ยงลูกให้สุขภาพจิตแข็งแรง โดยการเริ่มต้นจากที่บ้านกันค่ะ

เทคนิคเลี้ยงลูกให้ สุขภาพจิตเด็ก แข็งแรง

 

1.ออกกำลังกาย ส่งเสริมให้ลูกเล่นกีฬา และออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีส่วนสำคัญที่ทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข หรือเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งทำให้มีความสุข ลดความวิตกกังวล ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดความตึงเครียดกล่าวโดยรวมคือ การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี ลดจุดอ่อนของเด็ก Gen Alpha ได้มาก

2.อาหารดีช่วยสร้าง สุขภาพจิตดี อาหารที่ดีส่งผลต่อ สุขภาพจิตลูก โดยเฉพาะอาหารที่ช่วยเพิ่มระดับโดพามีน (Dopamine) เพราะอาหารกลุ่มนี้ทำให้รู้สึกพึงพอใจ เมื่อโดพามีนอยู่ในระดับต่ำ จะทำให้เกิดความรู้สึกวิตกกังวล เครียด และสมาธิสั้น ส่วนเซโรโทนิน (Serotonin) ช่วยเพิ่มความรู้สึก มีความสุข มองโลกในแง่ดี พบใน สตรอว์เบอร์รี ช็อกโกแลต อัลมอนด์ กล้วยหอม ไข่ แตงโม แซลมอน เมล็ดฟักทอง ผักใบเขียว พ่อแม่จึงควรส่งเสริมให้ลูกชอบอาหารเหล่านี้ และจัดหาให้ลูกรับประทานบ่อย ๆ

3.ให้ลูกฟังเพลงหรือเล่นดนตรี เพราะดนตรีมีผลต่อ สุขภาพจิต ช่วยลดความเครียด ดนตรีทำให้ระดับคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดลดลง เพิ่มสมาธิในการเรียนรู้ การฟังดนตรีทำให้สมองหลังหลั่งสารโดพามีน เป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้เกิดความรู้สึกดี และทำให้มีสมาธิและเพิ่มความจำ ลดอาการซึมเศร้าและวิตกกังวล เมื่อฟังดนตรีสมองจะมีการไหลเวียนของสารออกซิโทซิน (Oxytocin) เพิ่มความรู้สึกผูกพันและไว้วางใจผู้อื่นและในการฝึกเล่นดนตรี ลูกน้อยจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่เป็นคนจริง ๆ ไม่หลงอยู่แต่ในโลกเสมือนและบุคคลเสมือน ลดจุดอ่อนของการเป็นเด็ก Gen Alpha ลงได้มากเช่นกัน

4.ปล่อยให้ลูกได้เล่นอย่างอิสระ (Free Play) การเล่นอย่างอิสระ หรือฟรีเพลย์ คือ การที่เด็กได้ออกแบบการเล่นด้วยตนเอง อย่างอิสระ ไร้ขอบเขต โดยพ่อแม่เพียงช่วยดูแลให้ปลอดภัย เด็กสามารถกำหนดกติกาการเล่นได้เอง และเรียนรู้กระบวนการเล่นตั้งแต่ต้นจนจบด้วยตนเอง พ่อแม่สามารถร่วมเล่นกับลูกได้ภายใต้กติกาที่ลูกได้กำหนด การเล่นอย่างอิสระ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และสุขภาพจิตที่ดี เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้จากการเล่น เพราะการเล่นทำให้เด็กเพลิดเพลิน และมีความสุข การเล่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กอย่างยิ่ง

5.เป็นพ่อแม่ที่ดีสำหรับลูก พ่อแม่ต้องให้ความรักและความอบอุ่น ทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัย โดยแสดงออกทางคำพูด และทางการกระทำ อย่างเช่น บอกรัก กอด หอม ลูกบ่อย ๆ เพราะการกอดลูกสร้างเส้นใยสมองทำให้เส้นประสาทเติบโตและแตกแขนงจำนวนมากทำให้ สุขภาพจิตดี สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งของการเป็นพ่อแม่ที่ดีสำหรับลูก ในยุค Gen Alpha นี้คือพ่อแม่ต้องลดเวลาที่จะอยู่ในโลกโซเชียลมีเดียลง ใช้เวลาอยู่กับลูกมากขึ้น

6.สอนให้ลูกรู้จักใช้อินเทอร์เน็ต การเลี้ยงลูกในยุคนี้ การสอนให้ลูกรู้จักใช้อินเทอร์เน็ตอย่างถูกวิธีมีความสำคัญอย่างยิ่ง การสอนลูกค้นข้อมูล อธิบายให้รู้ถึงพิษภัยที่แอบแฝง แนะนำเว็บไซต์การเรียนรู้ภาษา สวนสัตว์ หรือเว็บไซต์สำหรับเด็ก เป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับลูกนั้นเอง

7.ควบคุมการใช้เทคโนโลยีในบ้าน เพราะของเล่นที่ดีสำหรับลูก คือ พ่อแม่ นอกจากจะเป็นการสร้างความอบอุ่นที่ดีแล้วยังเป็นการสร้างพัฒนาการของลูกได้ดีกว่าการให้ลูกเล่นเกมออนไลน์ เพราะการให้ลูกเล่นเกมออนไลน์หรือคอมพิวเตอร์มากเกินไปจะทำให้เด็กมีแนวโน้มที่จะอยู่ในโลกส่วนตัวสูง ความสามารถในการสร้างปฏิสัมพันธ์ พูดคุย กับบุคคลอื่นลดน้อยลง แล้วยังมีผลต่อการพัฒนาทางด้านร่างกายของลูก เพราะลักษณะของเกมคอมพิวเตอร์หรือเกมออนไลน์ คือผู้เล่นอยู่เฉย ๆ ไม่มีการขยับหรือขยับแต่น้อย กล้ามเนื้อและกระดูกจึงมีการขยับเขยื้อนน้อย การพัฒนาจึงต่ำลง รวมทั้งสายตาเพ่งไปที่จุดใกล้ ๆ จุดเดียวเป็นเวลานานนับชั่วโมง ซึ่งจะทำให้การพัฒนาของตาเสียหายไปด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการของเด็กต่างลงความเห็นเหมือนกันว่า ไม่ควรให้เด็กใช้โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต ก่อนอายุ 2 ขวบ

จากข้างต้นคุณพ่อคุณแม่อาจเห็นได้ว่า สุขภาพจิตเด็ก เป็นสิ่งที่พ่อแม่สามารถมีส่วนช่วยในการส่งเสริมได้ แต่สุดท้ายแล้วหัวใจสำคัญของการเลี้ยงลูกให้มี สุขภาพจิต ดีคือ การเป็นพ่อแม่ที่มีความสุข ส่งผลให้ลูกฉลาดทั้งทางด้านสติปัญญา และทางด้านอารมณ์ รวมไปถึงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ทุกคนสามารถทำได้ เพียงแต่ร่วมมือร่วมใจกันใช้พื้นฐานความอบอุ่นของครอบครัวเข้ามาเป็นพลังหลักก็จะช่วยให้ลูกสามารถเติบโตเป็นคนเก่งที่เป็นคนดี สามารถปรับตัวและใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข รวมถึงสามารถเข้าใจตัวเอง และคนอื่นได้เป็นอย่างดี

ไม่เพียงแต่การดูแลสุขภาพกายใจของลูกน้อยให้แข็งแรง ยังมีเคล็ดลับดี ๆ ในการเลี้ยงลูกอีกมากมายที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรรู้ ที่ เอนฟาเรามีบทความ สาะดีๆ รวมถึงความรู้เพิ่มเติมในการเลี้ยงลูกน้อยให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพ คลิก Enfa A + Smart Club

References