ตั้งครรภ์แล้วกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
การที่คุณแม่การตั้งครรภ์เข้าห้องน้ำและปัสสาวะบ่อย อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ โรคนี้เกิดจากเชื้อ Escherichia coli (E.coli) ซึ่งพบได้ในอุจจาระในลำไส้ใหญ่และพบได้บริเวณรอบทวารหนัก ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เคียงกับช่องคลอดและช่องปัสสาวะ ซึ่งท่อปัสสาวะไม่ได้ยาวมากนัก ทำให้เชื้อแบคทีเรียนี้เคลื่อนตัวผ่านเข้าสู่ท่อปัสสาวะได้ง่ายและเข้าสู่ร่างกายของคุณแม่ได้
นอกจากนี้ขณะตั้งครรภ์ น้ำหนักของลูกในมดลูกก็ไปทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้มีอาการปวดทำให้ทางเดินปัสสาวะอาจติดขัดและเกิดการอักเสบในเวลาต่อมาได้ค่ะ
สัญญาณที่เตือนว่าคุณแม่ตั้งครรภ์กำลังจะเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบก็คือ ...
-
รู้สึกปวดหน่วงๆ บริเวณท้องน้อย กดแล้วรู้สึกเจ็บ
-
รู้สึกแสบหรือระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศเวลาปัสสาวะ
-
รู้สึกท้องแข็งหรือเจ็บท้องบ่อยๆ เหมือนจะคลอด (ในช่วงที่ยังไม่ถึงกำหนดคลอด)
-
ปัสสาวะบ่อยแต่กะปริดกะปรอด รู้สึกปัสสาวะไม่สุด
-
ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น ปัสสาวะมีเลือดปน หรือปัสสาวะขุ่นช่วงตั้งครรภ์
-
มีอาการหนาวสั่น ไข้สูง ปวดบริเวณบั้นเอวหรือหลัง
หากคุณแม่พบว่ามีอาการเหล่านี้ 3 ข้อขึ้นไปให้สันนิษฐานว่าคุณแม่ตั้งครรภ์อาจมีความเสี่ยงต่อโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อป้องกันการลุกลามและจะได้รักษาได้อย่างถูกวิธี โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 3 เพราะการติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะที่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้กรวยไตอักเสบและคลอดก่อนกำหนดได้
คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้โดย...
-
พยายามอย่ากลั้นปัสสาวะ ให้รีบเข้าห้องน้ำทันทีที่รู้สึกปวด
-
หลังการถ่ายปัสสาวะ ควรทำความสะอาดและซับให้แห้งทุกครั้ง อย่าลืมว่าต้องเช็ดจากหน้าไปข้างหลัง
-
หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ยา น้ำยาสวนล้างน้ำยาฆ่าเชื้อ และแป้ง ในบริเวณนี้จะช่วยป้องกันหรือลดอัตราการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะได้
-
ไม่ควรดื่มน้ำน้อยลง เพราะการดื่มน้ำน้อยส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำ และอาจมีอาการท้องผูกเกิดขึ้นได้ค่ะ
คุณแม่ตั้งครรภ์จะปลอดภัยจากโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ หากคุณแม่ดูแลรักษาร่างกายเป็นอย่างดีและปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอที่ดูแลครรภ์อย่างเคร่งครัด