ตั้งครรภ์แล้วกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

การที่คุณแม่การตั้งครรภ์เข้าห้องน้ำและปัสสาวะบ่อย อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ โรคนี้เกิดจากเชื้อ Escherichia coli (E.coli) ซึ่งพบได้ในอุจจาระในลำไส้ใหญ่และพบได้บริเวณรอบทวารหนัก ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เคียงกับช่องคลอดและช่องปัสสาวะ ซึ่งท่อปัสสาวะไม่ได้ยาวมากนัก ทำให้เชื้อแบคทีเรียนี้เคลื่อนตัวผ่านเข้าสู่ท่อปัสสาวะได้ง่ายและเข้าสู่ร่างกายของคุณแม่ได้

สมัครเป็นสมาชิก Enfa Smart Club กับชมวันนี้ ลุ้นรับ MacBook Air

นอกจากนี้ขณะตั้งครรภ์ น้ำหนักของลูกในมดลูกก็ไปทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้มีอาการปวดทำให้ทางเดินปัสสาวะอาจติดขัดและเกิดการอักเสบในเวลาต่อมาได้ค่ะ

สัญญาณที่เตือนว่าคุณแม่ตั้งครรภ์กำลังจะเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบก็คือ ...

  • รู้สึกปวดหน่วงๆ บริเวณท้องน้อย กดแล้วรู้สึกเจ็บ

  • รู้สึกแสบหรือระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศเวลาปัสสาวะ

  • รู้สึกท้องแข็งหรือเจ็บท้องบ่อยๆ เหมือนจะคลอด (ในช่วงที่ยังไม่ถึงกำหนดคลอด)

  • ปัสสาวะบ่อยแต่กะปริดกะปรอด รู้สึกปัสสาวะไม่สุด

  • ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น ปัสสาวะมีเลือดปน หรือปัสสาวะขุ่นช่วงตั้งครรภ์

  • มีอาการหนาวสั่น ไข้สูง ปวดบริเวณบั้นเอวหรือหลัง

หากคุณแม่พบว่ามีอาการเหล่านี้ 3 ข้อขึ้นไปให้สันนิษฐานว่าคุณแม่ตั้งครรภ์อาจมีความเสี่ยงต่อโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อป้องกันการลุกลามและจะได้รักษาได้อย่างถูกวิธี โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 3 เพราะการติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะที่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้กรวยไตอักเสบและคลอดก่อนกำหนดได้

คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้โดย...

  • พยายามอย่ากลั้นปัสสาวะ ให้รีบเข้าห้องน้ำทันทีที่รู้สึกปวด

  • หลังการถ่ายปัสสาวะ ควรทำความสะอาดและซับให้แห้งทุกครั้ง อย่าลืมว่าต้องเช็ดจากหน้าไปข้างหลัง

  • หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ยา น้ำยาสวนล้างน้ำยาฆ่าเชื้อ และแป้ง ในบริเวณนี้จะช่วยป้องกันหรือลดอัตราการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะได้

  • ไม่ควรดื่มน้ำน้อยลง เพราะการดื่มน้ำน้อยส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำ และอาจมีอาการท้องผูกเกิดขึ้นได้ค่ะ

คุณแม่ตั้งครรภ์จะปลอดภัยจากโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ หากคุณแม่ดูแลรักษาร่างกายเป็นอย่างดีและปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอที่ดูแลครรภ์อย่างเคร่งครัด