เมื่อใกล้คลอดส่วนนำของทารกในครรภ์จะเคลื่อนเข้าสู่อุ้งเชิงกราน ทำให้ส่วนนำของทารกกดที่กระดูกก้นกบ ( Coccyx ) มดลูกจะถ่วงน้ำหนักถ่วงมาด้านหน้าทำให้ต้องเกร็งกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างมากขึ้น ประกอบกับ เอ็นข้อต่อต่างๆยืดขยาย ยืดหยุ่นมาก การที่ส่วนนำของทารกกดที่กระดูกก้นกบ และเคลื่อนเข้า กระดูกเชิงกรานนั้นจึงทำให้แม่ปวดหลังบริเวณเชิงกราน และบริเวณก้นกบได้ วิธีบรรเทาคือเวลายืนพยายามยืดหลังตัวตรง หลีกเลี่ยงการยกของหนัก เดินหรือนั่งนานเกินไป ควรนั่งพักหรือเปลี่ยนอิริยาบทบ่อยๆ
ท้องเสียไม่มีผลกระทบร้ายแรงต่อลูกน้อยในครรภ์ถ้าไม่เกิดบ่อยและอาการไม่รุนแรงคะ เพราะอาการของท้องเสียจะมีการเคลื่อนไหวของลำไส้รุนแรง คุณแม่บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้และอาเจียน อาการที่กล่าวมาอาจจะส่งผลให้มดลูกมีการหดรัดตัว เป็นสาเหตุให้เกิดการแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้ นอกจากนี้คุณแม่อาจขาดน้ำและอาหาร ลูกก็จะน้ำหนักน้อยได้ ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์จึงต้องระวังภาวะท้องเสีย เพราะท้องเสียเกิดจากการรับประทานอาหารไม่สะอาดหรือมีเชื้อโรคปนเปื้อน ถ้าไม่มีไข้ ไม่ปวดท้องรุนแรง ถ่ายออกมาเป็นน้ำเหลืองๆ ไม่มีมูก ไม่มีเลือดปน คุณแม่รอดูอาการไปก่อนได้ค่ะ พักผ่อนและควรดื่มน้ำมากๆเพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป ถ้าพบว่ามีอาการปวดท้องมากขึ้น ถ่ายเป็นมูกเลือด มีไข้ อ่อนเพลีย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมค่ะ
น้องเริ่มโตขึ้น พฤติกรรมการกินอาหารอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ซึ่งเด็กวัยนี้จะกินข้าว 3 มื้อเป็นอาหารหลัก ส่วนนมจะเป็นอาหารเสริม ควรได้วันละ 18-24 ออนซ์ก็เพียงพอค่ะ บางช่วงอาจกินข้าวได้ดี แต่กินนมน้อยลง หรือบางช่วงอาจเบื่อข้าวแต่ กินแต่นมพอ ซึ่งถ้าน้องยังกินอาหารหรือนมบ้างในแต่ละวัน และไม่ได้มีอาการเจ็บป่วย น้ำหนักยังอยู่ในเกณฑ์ คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะเพราะช่วงวัยนี้เด็กจะเป็นตัวของตัวเอง สนใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่อยู่นิ่ง ไม่ค่อยสนใจอาหารเพราะมีอย่างอื่นน่าสนใจกว่า คุณแม่ควรใช้เทคนิคเปลี่ยนเมนูอาหารบ่อยๆ ก่อนมื้ออาหาร 1-2 ชั่วโมงให้งดนม ขนม ผลไม้ต่างๆเพื่อให้น้องรู้สึกหิวจะได้กินอาหารได้มากขึ้นค่ะ ฝึกการกินข้าวเป็นเวลา ร่วมโต๊ะอาหารกับคุณพ่อคุณแม่ ให้ตักข้าวกินเองและป้อนบ้างให้เวลา 30 นาที ไม่บังคับหรือตามป้อนเพราะจะต่อต้าน ใช้วิธีหลอกล่อให้น้องสนุกและเพลินกับการกินอาหาร ควรปิดทีวีเวลาอาหารเพราะจะดึงความสนใจของน้องไปค่ะ
การงดให้นมน้องไม่ว่าจะเป็นนมแม่หรือนมผสมในช่วงหลังเที่ยงคืน หากกลางวันน้องกินนมเพียงพอ กลางคืนจะไม่ตื่นบ่อย ซึ่งเริ่มฝึกได้ตั้งแต่ลูกอายุ 4 เดือน หากทำได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะทำให้เด็กนอนหลับได้ยาวนานขึ้น ฮอร์โมนในการเจริญเติบโตจะหลั่งออกมาทำงานได้ดี ลูกก็จะมีพัฒนาการและการเจริญเติบโตเต็มที่ค่ะ อีกทั้งเป็นผลดีต่อสุขภาพช่องปากและฟัน เพราะพบว่าการกินนมมื้อดึกส่งผลให้เด็กฟันผุได้ง่าย รวมทั้งคุณแม่ก็เหนื่อยน้อยลง เพราะไม่ต้องกังวลว่าลูกจะร้องกลางดึก และยังทำให้นอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่ค่ะ
สามารถเริ่มเล่านิทานให้น้องฟังได้ตั้งแต่น้องอยู่ในครรภ์ช่วงประมาณ 5 เดือนขึ้นไปค่ะ เสียงจะช่วยกระตุ้นการสร้างเครือข่ายสายใยประสาทที่ดีค่ะ เมื่อน้องอายุ 4-6 เดือน คุณแม่อ่านหรือเล่านิทานด้วยการใช้นิทานที่เน้นรูปภาพ ตัวหนังสือน้อยๆ แผ่นกระดาษหนาๆ เนื้อเรื่องสั้นๆ เข้าใจง่ายประกอบ เพื่อสร้างจินตนาการ กระตุ้นพัฒนาการด้านภาษา และยังช่วยส่งเสริมการรักการอ่านด้วยค่ะ กิจกรรมนี้เป็นการส่งเสริมสายใยรักระหว่างแม่และลูกอย่างดีเลยคะ สนับสนุนให้คุณแม่ทำกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่องเลยค่ะ
ปากเป็นบริเวณที่มีเลือดมาเลี้ยงมาก เวลาเกิดบาดแผลมักจะมีเลือดออกมาก ไม่ต้องตกใจนะคะ ให้รีบปฐมพยาบาลด้วยการล้างบาดแผลด้วยน้ำสะอาด แล้วห้ามเลือดโดยใช้ผ้าสะอาดกดแผลไว้อย่างน้อย 5 นาที ช่วงนี้ลูกอาจกินนมไม่ค่อยได้เพราะเจ็บเวลาดูด ให้ใช้ช้อนหรือหลอดฉีดยาหยอดป้อนให้ หลังกินนมให้ลูกดื่มน้ำหรือบ้วนปาก หรือใช้สำลีชุบน้ำสะอาดเช็ดทำความสะอาดบริเวณแผล ประมาณ 4-5 วันแผลจะแห้งหายเป็นปกติค่ะ