ด้านสติปัญญาและการเรียนรู้
ฝึกลูกมีสมาธิ เพิ่มพลังการเรียนรู้
ลูกวัยนี้ ใกล้จะเข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว ลูกจำเป็นต้องมีสมาธิหรือช่วงความสนใจและจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากๆ เด็กที่ขาดสมาธิจะเป็นเด็กที่เรียนรู้ได้ไม่ดีนัก ฟังครูพูดก็ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจได้ไม่ครบถ้วน เพราะใจไม่ได้จอจ่อ ทำกิจกรรมก็ทำได้ไม่นาน เพราะทนนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ ช่วงความสนใจหรือสมาธิสำหรับเด็กวัยนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ การที่ลูกมีสมาธิจดจ่อในเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้นั้น จะส่งผลให้เกิดความจำ มีกระบวนการเรียนรู้ที่ดี มีประสิทธิภาพ
แม้ว่าธรรมชาติของลูกวัยนี้แทบจะไม่อยู่นิ่งเฉย มีช่วงความสนใจหรือสมาธิได้อย่างมาก 5 นาที แต่การส่งเสริมให้ลูกมีสมาธิก็ไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากลูกสนใจต่อสิ่งเร้ารอบข้างเป็นทุนเดิม เพียงแต่คุณแม่ต้องหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้ลูกสนใจสิ่งเร้าเพียงอย่างเดียวในระยะเวลาที่นานเพียงพอ นั่นก็คือ การหากิจกรรมมาสร้างความสนใจให้ลูกนั่นเอง ซึ่งได้แก่ การชวนลูกฟังนิทานแล้วตั้งคำถามจากนิทานนั้น เล่นต่อบล็อก วาดภาพระบายสี ต่อบล็อก หรือเลโก้ ปั้นดินน้ำมัน ตัดกระดาษ ร้อยลูกปัด เป็นต้น
ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว
เล่น...เพื่อร่างกายเคลื่อนไหว
เด็กวัยนี้มีพัฒนาการทางร่างกายที่เห็นได้ชัด คือ กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น ลูกควรจะได้ฝึกฝนการใช้อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ทำงานร่วมกัน ซึ่งทำได้โดย...
-
ออกกำลังกาย ให้ลูกเล่นออกกำลัง เช่น วิ่งเล่น เตะบอล เดินทรงตัว ขี่จักรยาน เคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะเพลง ฯลฯ เป็นการฝึกใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ทำงานสอดประสานกัน
-
ปั้น..ปั้น เช่น ปั้นดินน้ำมันหรือแป้งโดว์ จะทำให้เด็กรู้สึกสนุกที่ได้ปั้นแป้งเป็นรูปต่างๆและภาคภูมิใจกับผลงานของตน อีกทั้งเป็นการฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กจากการปั้น การใช้จินตนาการ และการทำงานประสานกันของมือ-ตา
-
เล่นหุ่นนิ้ว คุณแม่ทำหุ่นนิ้วมือเป็นรูปต่างๆ เช่น สัตว์ ดอกไม้ ผลไม้ ฯลฯ แล้วเล่นกับลูก การให้ลูกเล่นหุ่นนิ้วจะช่วยพัฒนาการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก เพิ่มทักษะในการใช้นิ้วและควบคุมการใช้นิ้วมือ พัฒนาภาษา และพัฒนาการทางอารมณ์ของลูก
ด้านภาษาและการสื่อสาร
เคล็ดลับต่อยอดภาษา พัฒนาการสื่อสารลูก
แม้ลูกจะพูดสื่อสารรู้เรื่องขึ้น แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังต้องหมั่นคุยกับลูกมากๆ และส่งเสริมสนับสนุนให้ลูกเกิดทัศนคติที่ดีต่อภาษาในมิติต่างๆ ทั้งการรับและการส่ง
-
เมื่อลูกตั้งคำถาม “นี่อะไร” แทนที่พ่อแม่จะรีบให้คำตอบลูก ให้ลองถามกลับดูบ้างว่า “แล้วหนูคิดว่าเป็นอะไรจ๊ะ” หลายๆ ครั้งพ่อแม่อาจได้คำตอบชวนทึ่ง และการถามกลับก็ช่วยต่อยอดความคิดของลูกออกไปด้วย
-
ถ้าลูกถามแล้วพ่อแม่ไม่รู้ ก็ตอบตรงๆ ไปว่าไม่รู้ แล้วมาช่วยกันหาคำตอบ อย่าตอบไปแบบผ่านๆ เพราะลูกจะจำข้อมูลแบบผิดๆ ไปด้วย
-
เมื่อพ่อแม่สัญญาอะไรกับลูกแล้วต้องยึดถือสัญญานั้นด้วย เพราะการรักษาสัญญาและการที่พ่อแม่ทำตามที่พูดทุกครั้งถือเป็นการสร้างความเชื่อใจให้กันและกัน และยังช่วยปลูกฝังทัศนคติที่ดีว่าคำพูดนั้นมีความหมาย มีคุณค่า และมีการปฏิบัติตาม
-
สนับสนุนให้ลูกมีโอกาสเลือกตัดสินใจเองให้มากที่สุด เพื่อลูกจะได้มีความมั่นใจ ภูมิใจ กล้าตัดสินใจในทุกเรื่อง แม้กระทั่งการพูด
-
เมื่ออ่านหนังสือหรือเล่านิทานให้ลูกฟังจนจบ ลองให้ลูกเล่าเรื่องนั้นๆ อีกครั้งตามความเข้าใจของเขา เพื่อตรวจสอบการรับ (ความเข้าใจ) และถ่ายทอดข้อมูลของลูก
-
ในแต่ละวัน ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เล่าเรื่องที่เขาได้พบมา เพื่อส่งเสริมการถ่ายทอด (ส่ง) ข้อมูลของลูก
ด้านอารมณ์และสังคม
เคล็ดลับรับมือลูกอาละวาด
เมื่อลูกอยู่ในอารมณ์ อาละวาด คุณแม่ควรรับมือโดย ...
- เมินเฉยบ้าง ถ้าลูกอาละวาดอยู่ที่บ้าน ให้ทำเป็นไม่สนใจหรือไม่ก็อุ้มลูกเข้าไปไว้ในห้องของเขาด้วยท่าทีอันสงบ อย่าแสดงให้ลูกเห็นว่าพ่อแม่อารมณ์เสีย และอย่าแก้ปัญหาโดยยอมแพ้ให้ลูกในสิ่งที่ลูกต้องการ ฯลฯ เพราะลูกจะรู้ได้ทันทีว่าถ้าอาละวาดแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จ สามารถเอาชนะพ่อแม่ได้ ลูกก็จะใช้วิธีอาละวาดเป็นเครื่องมือในการเรียกร้องสิ่งต่างๆ เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ แต่ถ้าพ่อแม่ไม่สนใจ ในที่สุดลูกจะเลิกใช้วิธีอาละวาดเพื่อแก้ปัญหา เพราะรู้ว่าไม่ได้ผล
-
กอด ถ้าลูกอาละวาด ทุบ ตี กัด ต่อย เตะ ถีบพ่อแม่ แทนที่จะลงโทษลูกหนักๆ ให้กอดลูกไว้แน่นๆ แทน วิธีนี้จะช่วยปลอบใจให้ลูกรู้สึกอบอุ่นจะช่วยคลี่คลายอารมณ์ให้ลูกได้
-
ไม่ใช้วิธีตีลูก การที่พ่อแม่อาละวาดกลับ โมโห ตวาดเสียงดัง หรือทุบตีลูก หรือทำลายข้าวของ ถือเป็นวิธีที่ไร้ประสิทธิภาพที่สุดในการแก้ปัญหา ถ้าลูกไล่คุณเพราะไม่พอใจ ก็ให้เดินออกไปตามที่ลูกต้องการ รอจนลูกสงบ แล้วค่อยเข้ามาพูดคุยด้วย
-
ทำเป็นไม่สนใจคำว่า “ไม่” ของลูกบ้าง เช่น ถ้าบอกให้ลูกกินข้าว ลูกบอกว่า “ไม่” ก็ปล่อยลูกไปอย่างนั้นก่อนไม่ต้องไปคะยั้นคะยอมาก สักพักหนึ่งเมื่อหิวลูกจะหันมาเรียกร้องกินข้าวเอง หรือเอาของเล่นให้ลูกเล่นลูกจะบอกว่า “ไม่” ก็ปล่อยไป สักพักหนึ่งลูกจะกับมาเล่นเอง เพราะไม่มีเด็กคนไหนไม่กินเพราะหิวหรือไม่ชอบเล่น
อารมณ์ที่สงบของคุณแม่ จะทำให้ให้ลูกค่อยๆ สงบลงได้ในที่สุดค่ะ