ฉลาดเรียนรู้

เรียนรู้ความแตกต่างของสิ่งที่คล้ายกัน

       สำหรับเด็กวัยก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นเป็ดและไก่เขาอาจเรียกมันว่า “ไก่” หมด แต่เด็กวัย 3 ปีขึ้นไป เริ่มมีความคิดความเข้าใจเรื่องความเหมือนและความแตกต่างของสิ่งใดๆ โดยอาศัยการเปรียบเทียบคุณสมบัติของวัตถุสิ่งของในกลุ่มหรือหมวดเดียวกัน และต่างกลุ่มหรือต่างหมวดหมู่ เขาจึงสามารถจำแนกความแตกต่างของสัตว์ที่มีความใกล้เคียงกันทั้งสองนี้ได้ เขารู้ว่าเป็ดมีปากที่แตกต่างจากไก่  เป็ดมีขนสีขาว ไก่มีขนหลายสี ฯลฯ   และบอกเราได้ว่าตัวไหนคือเป็ด ตัวไหนเป็นไก่ ตัวไหนหมา ตัวไหนแมว เป็นต้น

       นอกจากนี้ การชวนลูกคุยถึงสิ่งที่เด็กเห็นและชี้แนะเพิ่มเติมฝึกให้ลูกสังเกตความเหมือนและความแตกต่างของสิ่งที่คล้ายคลึงกัน เช่น เป็ดและไก่ มีขนเหมือนกัน แต่ปากไม่เหมือนกัน  ไก่ขันเอ้กอี้เอ้กๆ เป็ดร้องก้าบๆ หมาเห่าโฮ่ง แมวร้องเมี้ยว เป็นต้น  จะเป็นพื้นฐานสำคัญต่อความฉลาดเรียนรู้ของลูกต่อไป                                          

 

ฉลาดเคลื่อนไหว

ปั้น...ฝึกทักษะการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมือ

       การปั้นช่วยให้เด็กได้พัฒนากล้ามเนื้อ ในการปั้นสิ่งต่าง ๆ นั้น เด็กต้องใช้แรงทั้งการทุบ จับ บีบ กด และคลึง ทำให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่และมัดเล็กพัฒนาไปพร้อมกัน
       ก่อนให้ลูกปั้น คุณแม่อาจจะถามลูกว่าต้องการปั้นอะไร อาจแนะนำให้ปั้นตุ๊กตุ่นตัวเล็กๆ ก่อน โดยคุณแม่สอนขั้นตอนการปั้น จากลำตัว หัว แขนและขา คอยให้คำแนะนำลูกเป็นระยะ ถ้าลูกไม่สนใจก็ต้องใช้วิธีหลอกล่อและเกลี้ยกล่อมเพื่อดึงความสนใจให้ลูกทำต่อ ลูกก็จะสามารถทำด้วยตัวเองและทำได้นานขึ้น เข้าใจคำสั่ง และมีจินตนาการสร้างสรรค์มากขึ้น โดยคุณแม่ไม่ควรเน้นที่ผลงานว่าจะสวยหรือไม่ แต่จะเน้นกระบวนการให้เด็กเรียนรู้ระหว่างที่ทำ เพราะก่อนเริ่มทำ ลูกจะวางแผนการทำด้วยตัวเอง สมองของเด็กจึงได้รับการกระตุ้น โดยระหว่างที่ทำ เซลล์สมองจะเชื่อมต่อกันเป็นวงจรในการจัดระบบความคิด ทำให้ลูกรู้จักคิดและมีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจะสามารถต่อยอดความรู้ต่อไปได้ และเป็นการฝึกทักษะในการใช้กล้ามเนื้อมือให้ดียิ่งขึ้น
       การสอนให้ลูกรู้จักการปั้น จะช่วยส่งเสริมให้เด็กได้ใช้ความคิดและพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กในการเคลื่อนไหว พร้อมกับการเรียนรู้และฝึกฝนงานด้านศิลปะ ทำให้เด็กมีสมาธิและจดจ่ออยู่กับงานที่ทำจนสำเร็จค่ะ

สมัครเป็นสมาชิก Enfa Smart Club กับชมวันนี้ ลุ้นรับ MacBook Air

ฉลาดสื่อสาร

เล่นเป่ายิ้งฉุบ...ฝึกความฉลาดสื่อสาร

       ลูกในวัยนี้เริ่มเรียนรู้อะไรได้มากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของสัญลักษณ์ต่างๆ อย่างการเล่นเป่ายิ้งฉุบ ที่ใช้มือสื่อแทนสิ่งของอย่างค้อน (กำมือ) กรรไกร (ยื่นเฉพาะนิ้วชี้และนิ้วกลาง) และกระดาษ (แบมือ) ที่เขาสามารถเข้าใจถึงความหมายได้ คุณแม่อาจดัดแปลงการเล่นเป่ายิ้งฉุบนี้ มาพัฒนาการเรียนรู้ของลูกน้อยได้ โดยการที่คุณแม่กับลูกเล่นเป่ายิ้งฉุบกัน ถ้าใครชนะก็จะได้เป็นคนถามคำถามก่อน ซึ่งคำถามอาจเป็นอะไรก็ได้ที่อยากถาม เช่นหนูชื่ออะไร หนูอายุเท่าใด คุณแม่ชื่ออะไร หนูชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ทำไม ฯลฯ  ลูกจะสนุกกับการเล่นเกมนี้  และพยายามที่จะเป่ายิ้งฉุบให้ชนะคุณแม่ เพื่อที่จะได้เป็นคนถาม ถ้าคุณแม่เป็นฝ่ายชนะได้ถามบ้าง ก็อย่าใช้คำถามที่ยากมากนะคะ เพราะถ้าลูกตอบไม่ได้ขึ้นมาบ่อยครั้งเข้า ก็จะเริ่มเกิดความเบื่อกับเกมนี้ได้
       การเล่นเป่ายิ้งฉุบนี้ เป็นกิจกรรมง่ายๆ ที่สามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา  ซึ่งจะช่วยฝึกให้เด็กหัดตั้งคำถาม ฝึกทักษะด้านการใช้ภาษา การคิดวิเคราะห์หาคำตอบ  การสื่อสาร รู้จักการแพ้ชนะ และรู้จักฝึกการเข้าสังคมค่ะ

ฉลาดด้านอารมณ์

ลูกอารมณ์ดีได้ ง่ายๆ ด้วยศิลปะ

       ศิลปะเป็นเครื่องมือช่วยเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อยให้อารมณ์ดี เคยสังเกตไหมคะ...เวลาที่ลูกน้อยหงุดหงิด เครียด โกรธอารมณ์ ไม่ดี เมื่อคุณแม่หลอกล่อหากิจกรรมงานศิลปะให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นปั้นดิน หรือขีดเขียนวาดรูป ลูกน้อยก็จะหายจากอาการเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว นั่นก็เพราะศิลปะช่วยให้เขาได้ระบายอารมณ์ ระบายความคับข้องใจ ในทิศทางที่สร้างสรรค์ ทำให้ผ่อนคลายลดความขุ่นมัวในจิตใจ มีสมาธิ ลดความตึงเครียดลงได้ในที่สุด
       เมื่อลูกเริ่มทำงานศิลปะเขาจะใจเย็นลง มีสมาธิ โดยเฉพาะเมื่อได้ทำงานศิลปะร่วมกับเพื่อนๆ ลูกจะเรียนรู้การเข้ากลุ่มร่วมในสังคมได้ง่าย นอกจากนี้การทำงานศิลปะยังเป็นการฝึกความอดทน เพราะการอยู่กับที่นานๆ รวมทั้งยังเป็นการสอนให้ลูกเป็นคนช่างสังเกต มองเห็นรายละเอียดของสิ่งต่างๆ รอบตัวได้
       หากลูกได้ทำงานศิลปะอย่างต่อเนื่อง ฝึกจินตนาการอย่างสร้างสรรค์เพียงวันละ 3-5 นาที จะช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวและมีสมาธิดีขึ้นด้วย ทุกครั้งที่ลูกได้ทำงานศิลปะ จิตใจจะได้รับการกล่อมเกลาให้ละเอียดอ่อนขึ้น โดยศิลปะจะสะท้อนความคิดของลูกออกมา เช่น ถ้าลูกวาดรูปบ้านและมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ในนั้น นั่นหมายถึงความรักความผูกพันที่ลูกมีต่อพ่อแม่ การทำงานศิลปะจึงเป็นโอกาสที่ลูกจะได้ใช้ความคิดจินตนาการอย่างเปิดกว้างและสื่อสารให้คนอื่นรับรู้อารมณ์ของเขาค่ะ