รู้จักโรงเรียนอนุบาล

เรื่องการเลือกโรงเรียนให้ลูกนั้น เป็นหนักอกหนักใจของคุณพ่อคุณแม่ทุกคน เพราะจะเลือกโรงเรียนแบบไหนที่จะเหมาะกับลูก ไปเรียนแล้วมีความสุข ก่อนอื่นมาทำความรู้จักถึงลักษณะของแต่ละโรงเรียนก่อนการตัดสินใจเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก

จริงๆแล้วโรงเรียนบ้านเราส่วนใหญ่ใช้หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการเป็นแกนกลางในการจัดการเรียนการสอนค่ะ แต่แนวที่เสริมเข้าในแต่ละโรงเรียน หรือในแต่ละรายวิชานั้นก็แตกต่างกันไป ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกดูแต่ละแนวทางและเลือกให้เหมาะสมกับลูกน้อย

โรงเรียนไทย

ใช้การเรียนการสอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ในส่วนของการเรียนการสอนทั้งด้านวิชาการหรือกิจกรรมอาจจะมีแนวทางเพิ่มเติม ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียนด้วย

โรงเรียนสองภาษา (Bilingual School)

ใช้หลักสูตรการศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ โดยจะใช้เนื้อหาเหมือนโรงเรียนไทยปกติ แต่เป็นการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งสัดส่วนการใช้ภาษาอังกฤษมากน้อยไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับโรงเรียน แต่ทางกระทรวงศึกษาธิการจะมีชั่วโมงขั้นต่ำกำหนด

โรงเรียนนานาชาติ (International School)

แต่ละโรงเรียนจะมีการเลือกใช้หลักสูตรการศึกษาของต่างประเทศ เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เป็นต้น ในประเทศไทยจะมีโรงเรียนที่ใช้หลักสูตรอังกฤษ หรือสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะยึดเนื้อหาการเรียนการสอนจากประเทศต้นแบบ แต่จะต้องมีการเรียนภาษาไทยตามกฎกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากเป็นภาษาประจำชาติ

นอกจากนี้ยังมีแนวการเรียนการสอนแบบแบบทางเลือกที่นำมาให้คุณพ่อคุณแม่ทำการรู้จัก และเข้าใจในการเรียนการสอนแต่ละแบบมากขึ้น

สมัครเป็นสมาชิก Enfa Smart Club กับชมวันนี้ ลุ้นรับ MacBook Air

แนวการเรียนการสอนแบบทางเลือก

เป็นแนวทางที่เน้นการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ตามพัฒนาการของเด็ก ให้เด็กมีความกล้าคิด มีความเป็นตัวของตัวเอง โดยยึดเด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ ซึ่งแนวทางการสอนแบบทางเลือก อาทิ

  • การสอนแบบมอนเตสซอรี่ สอนโดยยึดตามพัฒนาการและความต้องการของเด็ก เพื่อให้เด็กพึ่งตัวเองได้ เรียนรู้เป็นรายบุคคล คุณครูมีการสอนตามขั้นตอน โดยใช้อุปกรณ์ในการฝึกประสาทสัมผัส

  • การสอนแบบวอลดอล์ฟ สอนให้เด็กๆ เรียนรู้ด้วยตัวเอง ผ่านการเล่น ผ่านกิจกรรมให้ฝึกคิด จินตนาการ ทั้งศิลปะ ดนตรี วาดเขียน งานภาคปฏิบัติ เช่น ทำสวน ประกอบอาหาร ทำให้ได้พัฒนาการกล้ามเนื้อต่างๆ

  • การสอนแบบนิวโอฮิวแมนนิส มีการนำศาสตร์ตะวันออกผสานกับแบบตะวันตก เช่น มีการให้เด็กฝึกสมาธิ ทำโยคะ ขณะเดียวกันก็ใช้เสียงเพลงและวิธีการสอนใหม่ๆ

  • การสอนแบบโครงการ ให้เด็กสืบค้นข้อมูลตามเรื่องที่สนใจ ค้นหาคำตอบจากคำถามที่เกี่ยวกับหัวเรื่อง ซึ่งคำถามนั้นมาจากเด็ก ครู หรือเด็กกับครูร่วมกัน

  • การสอนแบบเรกจิโอเอมิเลีย ครู เด็ก ชุมชน พ่อแม่ มีส่วนร่วมในการจัดสภาพแวดล้อมให้เด็กเรียนรู้ สังเกต ตั้งสมมติฐาน สำรวจ แล้วแสดงผลผ่านการวาดภาพ งานปั้น การเล่นละคร งานเขียน

  • การสอนภาษาแบบบูรณาการ ผ่านการฟัง พูด อ่าน เขียนพร้อมกัน ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง เตรียมความพร้อมทุกด้าน ให้เด็กมีพัฒนาการด้านภาษาได้ง่ายและเร็วขึ้น

  • การสอนแบบไฮสโคป เน้นเรียนรู้แบบลงมือทำ ผ่านมุมเล่นหลากหลาย ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะกับพัฒนาการ และการแก้ปัญหา พร้อมใช้การสอนกลุ่มย่อยเพื่อกระตุ้นพัฒนาการ

อย่างไรก็ดี คุณพ่อคุณแม่ต้องดูลูกเป็นสำคัญ และควรพาลูกไปที่โรงเรียน หรือลองเข้าคลาสที่โรงเรียน เพื่อจะได้รู้ว่าลูกชอบ แล้วเหมาะสมกับการเรียนรู้ในรูปแบบใด เพราะเด็กแต่ละคน และความต้องการของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน

ไม่ว่าลูกจะเรียนที่ไหน มีแนวการเรียนการสอนแบบใด สิ่งสำคัญคือความสุขของลูก เพราะถ้าลูกมีความสุขกับการไปโรงเรียนเขาก็จะมีพัฒนาการที่ดี เรียนรู้ได้เร็ว อยากไปโรงเรียนทุกวัน และพัฒนาไดอย่างเต็มศักยภาพ

อ้างอิงข้อมูล : http://schoolzone.momypedia.com / www.vcharkarn.com / http://www.moe.go.th/5TypeSchool/school_eng_next.htm / http://nerisaep.blogspot.com /