ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
ให้ลูกกินนมแม่ถึงกี่เดือนดีนะ

ให้ลูกกินนมแม่ถึงกี่เดือนดีนะ

ตรวจสอบข้อมูลโดย : ผศ.พญ.ดิษจี ลุมพิกานนท์
กุมารแพทย์ สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล

 

คุณแม่ให้นมลูกมักจะสงสัยว่าควรให้ลูกกินนมแม่กี่เดือนจึงจะเหมาะสม คำตอบของเรื่องนี้อาจจะต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและความเหมาะสมของคุณแม่แต่ละคน ลองมาดูข้อมูลกันค่ะเพื่อจะทำให้คุณแม่เองตัดสินใจได้จะว่าให้ลูกกินนมแม่กี่เดือนดี

ให้ลูกกินนมแม่ถึงกี่เดือนดีนะ?


สำหรับระยะเวลาในการให้ลูกกินนมแม่นั้น ขอบอกว่า...

  • คุณแม่สามารถให้นมลูกได้นานเท่าไหร่ก็ได้ จนลูกโตแล้วเลิกกินนมไปเองหรือจนกว่านมแม่หมดก็ได้
  • นมแม่มีสารอาหารครบถ้วนสำหรับลูก สร้างภูมิคุ้มกันร่างกายและดีต่อสมองลูก ลูกวัยไหนกินนมแม่ก็ยังได้รับสารอาหารที่มีคุณค่า สารอาหารในนมแม่ไม่ได้หายไปเมื่อลูกโตขึ้น
  • เด็กควรได้กินนมแม่อย่างน้อยอายุ 6 เดือน หากคุณแม่ให้นานกว่านั้นก็ยิ่งดี เพราะอย่างที่บอกว่าสารอาหารในนมแม่ยังมีคุณค่าอยู่เสมอ
  • การมีน้ำนมแม่ให้ลูกกินได้นานๆ ทำได้ด้วยการกระตุ้นการสร้างน้ำนมด้วยการให้ลูกดูดสม่ำเสมอหรือปั๊มนมทุก 3 ชั่วโมง

นมแม่ดีที่สุดโดยเฉพาะน้ำนมเหลืองที่มีแลคโตเฟอร์ริน

นมแม่ดีที่สุดโดยเฉพาะน้ำนมเหลือง


องค์การอนามัยโลกระบุว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีประโยชน์สำหรับทารกแรกเกิดจนถึง 2 ขวบโดยเฉพาะการได้รับนมแม่ตั้งแต่ 1-3วันแรกหลังคลอด เพราะคือน้ำนมเหลืองที่มีแลคโตเฟอร์ริน แลคโตเฟอร์ริน โปรตีนในนมแม่ที่จะพบได้มากที่สุดในน้ำนมเหลือง หรือน้ำนมระยะแรกที่จะไหลออกมาใน 1-3 วันแรกหลังคลอด ซึ่งทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา จึงช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย

ระยะเวลาของการกินนมแม่ยาวนานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณแม่และลูก ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเด็กที่จะกินนมแม่เป็นเวลานานๆ แม้ว่าเราจะเคยชินกับทารกที่กินนมแม่ในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน เด็กโตอาจจะกินนมแม่ไม่บ่อยมากเหมือนเดิม และการหย่านมจากเต้าอาจจะใช้ระยะเวลายาวนาน เพราะเด็กผูกพันกับแม่ และรู้สึกมั่นคง อบอุ่นใจเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดแม่นั่นเอง

นมแม่และอาหารเสริม


หลังอายุ 6 เดือนลูกต้องได้รับอาหารเสริมเพิ่มเติมจากนมแม่ จึงทำให้คุณแม่บางคนคิดว่านมแม่ไม่มีประโยชน์ จริงๆ แล้ว นมแม่ยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายลูกอยู่ รวมทั้งสารอาหารสำคัญต่อสมอง และภูมิคุ้มกันอย่าง Lactoferrin MFGM และDHA ก็ยังมีอยู่ครบถ้วน เพียงแต่เมื่อครบ 6 เดือน ลูกต้องกินอาหารเสริมควบคู่ไปกับนมแม่ เพราะร่างกายต้องการพลังงานมากขึ้น และการกินอาหารเสริมยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการเด็กในด้านต่างๆ

เมื่อครบ 1 ปี เด็กจะกินข้าวเป็นอาหารหลัก 3 มื้อ กินนมเป็นอาหารเสริมเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่านมแม่ไม่มีประโยชน์ สารอาหารและคุณประโยชน์ในนมแม่ไม่ได้ลดน้อยลงไปตามอายุของลูกที่เพิ่มขึ้น แต่นมแม่อาจมีน้อยลงตามธรรมชาติร่างกายของแม่และตามความต้องการและการดูดของลูก

อย่างไรก็ตาม หลังอายุ 1 ขวบ หากนมแม่ไม่มีจริงๆ คุณแม่สามารถเลือกนมผงที่มีสารอาหารใกล้เคียงนมแม่เสริมให้ลูกได้ เช่น มี แลคโตเฟอร์ริน ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อทั้งในระบบทางเดินอาหาร และระบบภูมิคุ้มกัน มี MFGM สารอาหารสำคัญที่พบในน้ำนมแม่ ดีเอชเอ กรดไขมันที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง และ มีใยอาหารสุขภาพอย่าง พีดีเอ็กซ์ และ กอส ที่ช่วยให้ลูกมีการขับถ่ายที่ดี

แลคโตเฟอร์รินในน้ำนมเหลือง


ในน้ำนมแม่จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะน้ำนมเหลือง (Colostrum) ระยะน้ำนมปรับเปลี่ยน และระยะน้ำนมแม่
ซึ่งในระยะน้ำนมเหลืองจะมีโปรตีนสำคัญชนิดหนึ่งเรียกว่า แลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) ที่มีส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาว จึงทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ลดความเสี่ยงการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

หยุดให้นมแม่ไปสามารถเริ่มใหม่ได้หรือไม่


คุณแม่หยุดนมแม่ไปแล้วสามารถเริ่มให้นมแม่ใหม่ได้ สิ่งนี้เรียกว่าการกู้น้ำนม หากคุณแม่หยุดให้นมแม่มาเป็นระยะเวลายาวนาน (มากกว่า 1 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น) คุณแม่อาจจำเป็นต้องขยันปั๊มนมออกบ่อยๆ และเอาลูกเข้าเต้าหลายครั้งทั้งกลางวันและกลางคืน แต่วิธีนี้จะสามารถรักษาปริมาณน้ำนมไว้ได้ การนำน้ำนมออกจากเต้าด้วยการปั๊มหรือบีบด้วยมือหลายๆ ครั้ง (อย่างน้อย 8 ครั้งใน 24 ชั่วโมง รวมถึงอย่างน้อย 1 ครั้งในตอนกลางคืน) จะเป็นการบอกร่างกายคุณแม่และน้ำนมจะกลับมาในที่สุด

แม่ทำงานนอกบ้านลูกยังกินนมแม่ได้


ในช่วงเวลา 3 เดือนที่คุณแม่ลาคลอดเพื่ออยู่กับลูกและเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ลูกได้กินนมแม่อย่างเต็มที่ แต่หลังจากนั้นคุณแม่ต้องกลับไปทำงาน หากต้องการให้ลูกกินนมแม่ต่อ คุณแม่ต้องมีการเตรียมตัวกันนะคะ

แม่หลังคลอดกลับไปทำงานก็ยังให้ลูกกินนมแม่ได้ด้วยการจัดเตรียมให้ถูก / กินนมแม่กี่เดือนดีถึงจะหยุดให้นมจากเต้าดี

 

การเตรียมตัวก่อนไปทำงาน


  1. คุณแม่ควรเตรียมเก็บนมเป็นระยะตั้งแต่ช่วงเดือนที่ 1-2 โดยบีบหรือปั๊มนม เก็บ ตุนนมเป็นสต๊อคไว้ให้ลูก เริ่มได้ตั้งแต่เมื่อน้ำนมมาเต็มที่ คือช่วง 1-2 เดือนหลังคลอด
  2. บีบหรือปั๊มให้พอกิน ประมาณ 3-4 ออนซ์ต่อครั้ง
  3. ระยะ 2 สัปดาห์ก่อนกลับไปทำงาน นำน้ำนมที่แม่เก็บไว้มาฝึกให้ลูกกิน โดยใช้ช้อนหรือแก้วใบเล็กๆ เอียงป้อน หรือจะใช้ขวดนมก็ได้ ถ้าจะใช้ขวดนมป้อนลูก คุณแม่ควรฝึกหลังลูกอายุ1 เดือนไปแล้ว เพื่อป้องกันลูกสับสนกับเต้านมคุณแม่ เพราะถ้าฝึกให้เร็วกว่านี้ ลูกจะมีโอกาสติดหัวนมยาง จนไม่ยอมกินนมจากอกแม่
  4. คุณแม่ควรให้ลูกดูดนมจากเต้าช่วงเช้าหลังตื่นนอนและก่อนออกไปทำงาน จากนั้นให้ดูดจากเต้าเมื่อแม่กลับถึงบ้านตอนเย็น และอีกครั้งตอนกลางคืน ทั้งนี้อาจปั๊มนมอีกข้างพร้อมกันไปด้วยเวลาลูกดูด หรือหลังจากดูดอิ่มแล้วเอาเก็บเข้าตู้เย็นไว้
  5. กำชับคนดูลูกว่า ระยะ 2-3 ชั่วโมงก่อนแม่จะกลับมาถึงบ้าน อย่าให้ลูกกินนมที่ปั๊มเก็บไว้ ให้รอกินจากเต้าแม่ เพื่อให้เต้านมยังคงผลิตน้ำนมได้ดี

ที่ทำงาน


  • ช่วงเวลากลางวัน เมื่อแม่ต้องไปทำงาน อย่าลืมกำชับให้คนดูแลให้ป้อนนมแม่ที่บีบไว้
  • ส่วนแม่ขณะที่ทำงาน เริ่มปั๊มหรือบีบน้ำนมทุกครั้งที่รู้สึกว่าเต้านมตึงคัด หรือในช่วงเวลาที่เหมาะที่สุด เช่น ก่อนเริ่มงาน พักเที่ยง หรือบ่าย เลือกตามสะดวก และไม่ควรเว้นช่วงนานเกินไป เพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างน้ำนมอย่างต่อเนื่อง
  • ควรเลือกสถานที่ปั๊มนมที่ปลอดภัย มิดชิด และเป็นมุมสงบ

เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ ของคุณแม่ ตอนนี้คุณแม่คงได้คำตอบแล้วว่าจะให้ลูกกินนมแม่กี่เดือน เพื่อประโยชน์สูงสุดที่ลูกน้อยจะได้รับ

 

นมแม่ดีที่สุดต่อสมองเด็ก


เพราะมี MFGM เยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในน้ำนม ช่วยให้เซลล์ไขมันคงรูปอยู่ได้ในน้ำนม MFGM ประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ เช่น โปรตีนต่างๆ และไขมันเชิงซ้อน ซึ่งล้วนแต่เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสมองเด็ก และมีดีเอชเอ กรดไขมันที่ช่วยพัฒนาสมองเด็กนั่นเอง

บทความที่แนะนำ

4 สารอาหารบำรุงสมองลูก ประโยชน์ของสารอาหารในนมแม่ที่ต้องรู้
EFB banner
Mobile efb banner
EFB banner

Leaving page banner

 

Leaving page banner