สัปดาห์ที่ 13 | คำแนะนำ |
---|---|
* นอนตะแคง | ท่านอนที่ดีที่สุดของแม่ตั้งครรภ์คือ ท่านอนตะแคงซ้าย (ไหล่ซ้ายอยู่กับพื้น) รองลงมาคือ นอนตะแคงขวา เพราะท่านี้จะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดและสารอาหารไปสู่ลูกน้อยและมดลูกได้ดี และยังช่วยให้ไตขจัดของเสียและน้ำออกจากร่างกายได้ดีขึ้นด้วย การทำให้ร่างกายชินกับท่านอนตะแคงแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณแม่นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น |
* ดื่มนมสำหรับแม่ตั้งครรภ์ วันละ 2 แก้วอย่างต่อเนื่อง | นมสำหรับแม่ตั้งครรภ์ เช่น นมเอนฟามาม่า มีสารอาหารสำคัญ เช่น ดีเอชเอ (มีสูงถึง 50 มก.ต่อแก้ว) โฟเลต โคลีน ซึ่งช่วยเสริมสร้างการ ทำงานของสมองลูกในครรภ์ เป็นการเตรียม สมองลูกให้พร้อมต่อการเรียนรู้ ถือเป็นต้นทางของพัฒนาการด้านสติปัญญาและการเรียนรู้ |
* พัฒนาการทรงตัวของลูกในครรภ์ด้วยวิธีง่ายๆ เช่น นั่งเก้าอี้แล้วหมุนซ้าย-ขวา | เมื่อคุณแม่นั่งเก้าอี้ที่หมุนได้ ให้ลองหมุนตัวไปมาจากซ้ายไปขวา เพื่อพัฒนาการทรงตัวและการเคลื่อนไหวของลูกในครรภ์ |
* คิดถึงสิ่งต่างๆ ในแง่ดี ไม่วิตกกังวลง่าย | การมองโลกในแง่บวก ช่วยให้แม่ตั้งครรภ์สามารถจัดสมดุลทางอารมณ์ของตัวเองได้ดี สร้างความรู้สึกดีๆ จิตใจผ่องใส พูดคุยถึงแต่เรื่องดีๆ จึงเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้ลูกในครรภ์รับรู้แต่เรื่องดีๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านอารมณ์ลูกต่อไป |
สัปดาห์ที่ 14 | คำแนะนำ |
---|---|
* นัดหมอฟัน | ช่วงนี้อาการแพ้ท้องของคุณแม่ลดลงแล้ว สามารถนัดหมอฟันได้แล้ว การทำฟันช่วงที่แพ้ท้องอาจกระตุ้นให้คุณแม่อาเจียนหรือสำลักได้ง่าย ส่วนในช่วง 3 เดือนสุดท้ายเป็นช่วงที่ท้องใหญ่มาก ทำให้นอนหงายลำบาก ไม่สะดวกในการทำฟัน |
* เลือกซื้อชุดคลุมท้อง | ช่วงนี้ท้องคุณแม่เริ่มโตขึ้น จึงสามารถเลือกหาชุดคลุมท้องมาใส่ได้แล้ว คุณแม่ที่ชอบใส่กางเกง ควรเลือกกางเกงที่มีขอบขยายเป็นยางยืด ไม่กดรัดบริเวณหน้าท้อง และสามารถรองรับขนาดของท้องได้ดี |
* เลือกท่าการมีเพศสัมพันธ์ที่เหมาะสม | ช่วงนี้คุณแม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กันตามปกติได้แล้ว เพราะผ่านช่วง 3 เดือนแรกที่มีความเสี่ยงต่อการแท้งมาแล้ว เพียงแต่ต้องเลือกท่าให้เหมาะสม เช่น ท่าผู้หญิงอยู่บน ท่าโก้งโค้งสามีเข้าข้างหลัง ฯลฯ ควรระมัดระวังเรื่องความสะอาด หากมีความผิดปกติใดๆ ควรรีบไปพบแพทย์ |
* กินผักผลไม้เพิ่มขึ้น | เมื่อท้องโตขึ้น คุณแม่จะเผชิญกับปัญหาท้องผูก ดังนั้นจึงควรทานผักผลไม้ให้มากขึ้นในแต่ละวัน เพื่อเพิ่มกากใยช่วยการขับถ่าย |
สัปดาห์ที่ 15 | คำแนะนำ |
---|---|
* นวดเท้าบ่อยๆ | การนวดเท้าจะช่วยให้คุณแม่คลายกล้ามเนื้อจากอาการปวดเมื่อย และยังช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ลดอาการเท้าบวมได้ แต่ไม่ควรนวดเท้าแรงเกินไป และไม่ควรนวดกดจุดบริเวณฝ่าเท้า เพราะอาจไปกระตุ้นให้มดลูกมีการบีบตัวเสี่ยงต่อการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดได้ |
* ทำอารมณ์ดีอยู่เสมอ | เมื่อคุณแม่อารมณ์ดี ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุขที่เรียกว่าเอนดอร์ฟิน ผ่านให้ลูกไปทางสายสะดือ ทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งสมอง และอารมณ์ ในทางตรงกันข้ามคุณแม่ที่มีอารมณ์หงุดหงิด โมโหง่ายร่างกายจะหลั่งสารแห่งความเครียดที่เรียกว่า อะดรีนาลิน ออกมา ซึ่งมีแนวโน้มให้ลูกที่คลอดออกมาเป็นเด็กงอแง เลี้ยงยากได้ |
* ดูแลน้ำหนักตัว | อาการแพ้ท้องลดลงแล้ว คุณแม่เริ่มทานอาหารได้มากขึ้น และเริ่มกินเก่งขึ้น ตอนนี้น้ำหนักตัวของคุณแม่เพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 กิโลกรัม น้ำหนักเพิ่มที่เหมาะสมและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อคุณแม่และลูกในครรภ์น้อยที่สุด คือเพิ่ม 12-15 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์ ต้องระวังอย่าให้น้ำหนักขึ้นมากเกินนี้นะคะ |
* ระมัดระวังท่าทาง | ท้องเริ่มโตขึ้น คุณแม่จึงต้องคำนึงถึงร่างกายของตนเองไว้ขณะออกท่าทางต่างๆ เช่น หากจะก้มหยิบของจากพื้น ให้นั่งยองๆ ก่อนหยิบหรือยกของ หรือจะลุกจากท่านอนก็ต้องค่อยๆลุก ควรตะแคงข้าง ใช้แขนยันลำตัวก่อนลุก ควรนั่งหรือยืนให้หลังตรง ไหล่ยืดตรง ไม่เช่นนั้น คุณแม่จะมีปัญหาปวดหลัง |