ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
น้ำนมน้อย น้ำนมหด น้ำนมไม่ไหล กู้น้ำนม

12 วิธีกู้น้ำนมง่าย ๆ แก้ปัญหานมน้อย น้ำนมหด น้ำนมไม่ไหล

 

Enfa สรุปให้

  • น้ำนมหด น้ำนมน้อย น้ำนมไม่พอ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุตั้งแต่พฤติกรรมการใช้ชีวิต พฤติกรรมการกิน ไปจนถึงการที่คุณแม่ให้นมลูกช้าเกินไป ไม่ค่อยให้นมลูก รวมถึงปัญหาสุขภาพและการบาดเจ็บที่บริเวณเต้านมก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้แม่มีน้ำนมน้อย
  • การมีประจำเดือน ส่งผลต่อปริมาณน้ำนมแม่จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสิ้นสุดรอบเดือน ทั้งนี้เนื่องจากช่วงที่มีประจำเดือนจะทำให้ความเข้มข้นของโปรแลคตินในร่างกายลดลง ซึ่งโปรแลคตินเป็นฮอร์โมนที่ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนมแม่ เมื่อระดับฮอร์โมนโปรแลคตินลดลง กระบวนการผลิตน้ำนมแม่จึงลดลงตามไปด้วย
  • ปัญหาน้ำนมน้อย แม้จะฟังดูน่าวิตกกังวล แต่ปัญหาดังกล่าวก็เป็นปัญหาชั่วคราวที่สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต พฤติกรรมการกิน หมั่นดูแลตัวเองให้ดีอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้น้ำนมกลับมาเป็นปกติได้
  • สิ่งสำคัญคือ คุณแม่ต้องไม่ลืมให้น้ำนมจากเต้าที่มีแลคโตเฟอร์ริน ซึ่งจะพบได้มากที่สุดในช่วงน้ำนมเหลือง หรือน้ำนมระยะแรกที่จะไหลออกมาใน 1-3 วันหลังคลอด เพื่อส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา เสมือนวัคซีนธรรมชาติเข็มแรกที่ลูกจะได้รับ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

     • น้ำนมหด นมน้อย นมไม่พอ เกิดจากอะไร
     • น้ำนมไม่ค่อยมี ผิดปกติหรือไม่
     • น้ำนมน้อย ส่งผลเสียต่อลูกน้อยอย่างไร
     • ให้ลูกได้กินน้ำนมเหลืองที่มีแลคโตเฟอร์ริน
     • รู้ได้อย่างไรว่าลูกน้อยได้รับน้ำนมไม่เพียงพอ
     • การกู้น้ำนมคืออะไร
     • วิธีกู้น้ำนมแม่ ฉบับปลอดภัย ได้ผลจริง
     • แม่น้ำนมน้อย ให้ลูกกินนมผงสลับกับนมแม่ได้ไหม?
     • ไขข้อข้องใจเรื่องน้ำนมหดกับ Enfa Smart Club

หนึ่งในปัญหาที่แม่ให้นมบุตรหลายคนพบเจอกันอยู่บ่อย ๆ ก็คือปัญหา น้ำนมหด ซึ่งทำให้คุณแม่มีน้ำนมน้อย ไม่พอจะให้เจ้าตัวเล็กกินในแต่ละวัน และปัญหาน้ำนมไม่พอนี้ก็เสี่ยงที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของทารก ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตที่สมวัย แต่คุณแม่สงสัยกันไหมว่า แล้วน้ำนมหด น้ำนมน้อยนี่มันเกิดจากอะไร ถ้าน้ำนมไม่ค่อยมี ถือว่าผิดปกติหรือเปล่า แล้วคุณแม่จะมีวิธีกู้น้ำนมอย่างไรได้บ้าง เรามาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

น้ำนมหด นมน้อย นมไม่พอ เกิดจากอะไร?


น้ำนมหด น้ำนมน้อย น้ำนมไม่พอ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

  • คุณแม่เริ่มให้น้ำนมลูกช้าเกินไป
  • คุณแม่ให้นมลูกไม่สม่ำเสมอ หรือไม่ค่อยให้นมลูก ให้ ๆ หยุด ๆ
  • กินยาหรืออาหารเสริมบางชนิดที่อาจมีผลต่อการให้นมลูก
  • มีประวัติการผ่าตัดเกี่ยวกับเต้านมมาหลายครั้ง
  • การคลอดก่อนกำหนด
  • คุณแม่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป หรือมีภาวะโรคอ้วน
  • ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
  • โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
  • ความเครียด ภาวะซึมเศร้า
  • การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์

นมน้อย น้ำนมไม่ค่อยมี ผิดปกติไหม? มาเข้าใจการผลิตน้ำนมของร่างกายคุณแม่กัน


ปัญหาน้ำนมน้อย แม้จะฟังดูน่าวิตกกังวล แต่ปัญหาดังกล่าวก็เป็นปัญหาชั่วคราวที่สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต พฤติกรรมการกิน หมั่นดูแลตัวเองให้ดีอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้น้ำนมกลับมาเป็นปกติได้

สิ่งสำคัญคือเมื่อรู้ตัวว่ามีน้ำนมน้อยจะต้องปรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตทันที และควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษา

นมน้อยไม่พอเลี้ยงลูกส่งผลเสียอย่างไร?


หากทารกได้รับน้ำนมไม่เพียงพอ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของทารก ดังนี้

  • ทารกมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ที่ควรจะเป็น
  • ทารกได้รับสารอาหารจากนมแม่ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต อาจเสี่ยงที่จะไม่สบายบ่อย หรือติดเชื้อได้ง่าย เพราะน้ำนมแม่มีสารภูมิคุ้มกัน หากได้รับนมแม่น้อย ก็เสี่ยงที่ระบบภูมิคุ้มกันของทารกจะไม่แข็งแรง ส่งผลให้ทารกมีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยง่าย

ให้ลูกได้กินน้ำนมเหลืองที่มีแลคโตเฟอร์ริน


เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกขาดสารอาหาร สิ่งสำคัญคือ คุณแม่ต้องไม่ลืมเอาลูกเข้าเต้าทันทีหลังจากคลอด เพื่อที่ลูกน้อยจะได้รับน้ำนมเหลือง หรือน้ำนมระยะแรกที่จะไหลออกมาภายใน 1-3 วันแรกหลังคลอด ซึ่งในน้ำนมเหลืองจะพบโปรตีนชนิดหนึ่งซึ่งมีส่วนประกอบด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาวจำนวนมากเรียกว่า แลคโตเฟอร์ริน ทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา จึงลดโอกาสที่ลูกน้อยจะติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

สัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกน้อยได้รับน้ำนมไม่เพียงพอ


หากเจ้าตัวเล็กมีปฏิกิริยาดังต่อไปนี้เกิดขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าลูกน้อยกำลังได้รับนมไม่เพียงพอ

  • ทารกไม่ค่อยร่าเริง ง่วงนอนมากผิดปกติ
  • ทารกใช้เวลาดูดเต้านมน้อยกว่าปกติ เนื่องจากน้ำนมน้อย และอาจเผลอหลับคาเต้านมเร็วกว่าปกติ หรือบางกรณีอาจพบว่าทารกดูดนมคาเต้านานกว่าปกติก็ได้เช่นกัน
  • ทารกกัดหัวนมแรงและบ่อยขึ้น
  • น้ำหนักแรกเกิดของทารกไม่เพิ่มขึ้น หรือน้ำหนักขึ้นช้ากว่าเกณฑ์
  • อุจจาระน้อยลง ปัสสาวะมีสีเข้ม หรือปัสสาวะเป็นสีสนิม

การกู้น้ำนมคืออะไร?


การกู้น้ำนมหรือการเรียกน้ำนมแม่กลับคืน (Relactation) เป็นการเปิดโอกาสให้กับคุณแม่หลายคนที่เคยให้นมแม่มาก่อนแล้วหยุดให้นมไปช่วงหนึ่ง ได้สามารถกลับมามีน้ำนมให้ลูกอีกครั้ง เพื่อประโยชน์ที่ลูกน้อยจะได้รับ โดยอาศัยการกระตุ้นเต้านมเพื่อเพิ่มการผลิตฮอร์โมนโปรแลคติน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการกระตุ้นการสร้างน้ำนม

เตรียมตัวก่อนกู้น้ำนม


เมื่อคุณแม่ตั้งใจแน่วแน่ที่จะกู้น้ำนม คุณแม่ต้องดูแลโภชนาการให้ได้รับอาหารอย่างเพียงพอและครบถ้วน เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม ดื่มน้ำให้มาก พักผ่อนให้เพียงพอ และมีเวลาใกล้ชิดลูก ตามปกติแม่ที่ทำงานนอกบ้านจะมีความเสี่ยงต่อการมีน้ำนมไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกอยู่แล้วหากมาหมั่นปั๊มในที่ทำงานด้วย หากคุณแม่ไม่มีเวลาอาจต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติที่จะพยายามเรียกน้ำนมแม่กลับคืน ทั้งนี้ระยะเวลาในการเรียกน้ำนมอาจจะ 2-3 วันไปจนถึง 2-3 สัปดาห์ก็มี ขึ้นอยู่กับความพร้อมของร่างกายและระยะเวลาที่คุณแม่หยุดให้นมไป ถ้าหยุดให้นมไปนานก็จะใช้เวลามากกว่า

11 วิธีกู้น้ำนม สำหรับคุณแม่นมน้อย น้ำนมหด น้ำนมไม่ไหล


แม่ให้นมบุตรที่มีปัญหาน้ำนมหด น้ำนมน้อย สามารถดูแลตัวเองและกู้น้ำนมได้ ดังนี้

1. ให้ทารกได้กินนมแม่เร็วที่สุด

หลังคลอดควรให้ทารกได้ดื่มนมทันที ไม่ควรปล่อยไว้นานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน เพราะยิ่งรอนาน ยิ่งเสี่ยงที่จะเกิดภาวะน้ำนมน้อย และทารกก็จะต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นชินกับนมแม่นานกว่าปกติ

2. ให้นมลูกบ่อย ๆ

ในหนึ่งวันแม่ควรให้นมบุตร 8-12 ครั้งต่อวัน ครั้งละ 2-3 ชั่วโมง โดยการให้นมด้วยการเข้าเต้าบ่อย ๆ นั้น จะช่วยกระตุ้นให้เต้านมผลิตน้ำนมได้มากขี้น

3. ดูให้แน่ใจว่าทารกกัดหรือดูดหัวนมถูกจุด

ถ้าหากทารกกัดไม่ถูกหัวนม อาจทำให้ทารกได้รับนมแม่ไม่เพียงพอ และอาจจะมีผลต่อหัวนมแม่ที่อาจจะเกิดการบาดเจ็บที่หัวนมจนน้ำนมไม่ไหลหรือไหลน้อย

4. เวลาให้นมควรให้ทั้งสองข้าง

การให้นมทั้งสองข้างนั้น ก็เพื่อให้เกิดการสมดุลของน้ำนมในรอยต่อ ๆ ไป เพราะการให้นมทารกแค่เพียงเต้าเดียวเป็นประจำ เสี่ยงที่จะทำให้น้ำนมไหลน้อย

5. ควรปั๊มนมทันที หากลืมให้นมลูก 

ในกรณีที่คุณแม่ลืมให้นมลูก ควรปั๊มนมเก็บไว้ทันทีที่นึกขึ้นได้ เพื่อให้เกิดการสมดุลของน้ำนมในรอบต่อ ๆ ไป และเพื่อไม่ให้มีน้ำนมไหลเกินออกมาเมื่อมีน้ำนมเต็มเต้า

6. ไม่กินยาสุ่มสี่สุ่มห้า

แม่ให้นมบุตรควรกินยาตามที่แพทย์เห็นชอบเท่านั้น ไม่ควรซื้อยามากินเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์หรือเภสัชกร

7. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

สารนิโคตินในบุหรี่ และแอลกอฮอล์มีผลทำให้ปริมาณน้ำนมลดลงได้ ดังนั้น คุณแม่ให้นมบุตรควรงดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม

8. ใส่ใจกับอาหารการกิน

หลังคลอดและช่วงเวลาให้นมบุตร คุณแม่ต้องใส่ใจกับอาหารการกินให้มากยิ่งขึ้น เพราะครั้งนี้อาหารที่กินเข้าไปจะถูกส่งต่อสารอาหารผ่านทางน้ำนม หากกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ทารกก็อาจจะได้รับผลข้างเคียงทางสุขภาพด้วย หรือหากกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ก็จะทำให้การฟื้นตัวหลังคลอดของคุณแม่ไม่ดีเท่าที่ควรด้วย

9. มีวินัยในการปั๊มนม

ปั๊มนมอย่างสม่ำเสมอตามตารางการปั๊มนม เพื่อกระตุ้นให้น้ำนมไหล โดยเฉพาะคุณแม่ทำงานนั้นมักไม่สามารถให้ลูกดูดนมบ่อยได้ เพราะไม่ได้อยู่กับลูกตลอดเวลา ต้องมาปั๊มนมในที่ทำงาน และการกู้น้ำนมสำหรับแม่ทำงานนั้นหัวใจอยู่ที่วินัยและความสม่ำเสมอในการปั๊ม

คุณแม่ต้องปั๊มนมให้ถี่ขึ้นทุก 2 ชั่วโมง ครั้งละ 20-30 นาที โดยปั๊มให้ครบ 10 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมง โดยช่วงสัปดาห์แรกที่กู้น้ำนมจะออกมาน้อยมากหรือบางคนไม่ออกมาเลย คล้ายกับช่วงแรกที่เริ่มปั๊มนมใหม่ ๆ หลังคลอด ซึ่งขึ้นอยู่กับคุณแม่ว่าหยุดให้นมนานแค่ไหน เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 น้ำนมจะเริ่มมาเองโดยที่คุณแม่ต้องรักษาความถี่ของการปั๊มอย่างต่อเนื่อง

10. เลือกใช้เครื่องปั๊มนมแบบปั๊มคู่

การปั๊มนมโดยใช้เครื่องปั๊มแบบปั๊มคู่จะทำให้ได้ปริมาณน้ำนมมากกว่า ช่วยประหยัดเวลาในการปั๊มนม และช่วยกระตุ้นน้ำนมด้วย

11. ใช้ยาช่วย

คุณแม่สามารถใช้ยาแลคโตกัส (Lactogogues) เป็นตัวช่วยในการเพิ่มปริมาณน้ำนมร่วมกับการกระตุ้นเต้านมได้ และให้หยุดใช้ยาเมื่อน้ำนมมีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยาเพิ่มน้ำนมควรสั่งจ่ายโดยแพทย์และเภสัชกร และอยู่ในความดูแลของแพทย์และเภสัชกรเท่านั้น ไม่ควรซื้อยามากินเองเด็ดขาด

12. ลดความถี่การปั๊มลงเมื่อน้ำนมมาแล้ว 

คุณแม่อาจใช้เวลาในการกู้น้ำนมอยู่ประมาณหนึ่งเดือนปริมาณน้ำนมจะค่อยๆ กลับมาเท่าเดิม จนในที่สุดสามารถมีน้ำนมให้ลูกกินอย่างเพียงพอ เมื่อคุณแม่กู้จนได้ปริมาณน้ำนมตามที่ต้องการแล้ว ก็สามารถลดจำนวนการปั๊มให้เหลือ 7-8 ครั้งต่อ 24 ชั่วโมงได้ โดยที่ยังคงรักษาปริมาณน้ำนมเอาไว้ได้

แม่น้ำนมน้อย ให้ลูกกินนมผงสลับกับนมแม่ได้ไหม?


สำหรับคุณแม่ที่น้ำนมหด น้ำนมน้อย แต่ต้องการให้ลูกได้กินนมแม่ต่อไป ขอให้คุณแม่ตั้งใจจริงและไม่ยอมแพ้ น้ำนมแม่ก็จะกลับมาได้ในที่สุด เพราะในนมแม่ มีสารอาหารสำคัญเหล่านี้

  •  Lactoferrin โปรตีนชนิดหนึ่งที่พบได้มากที่สุดในระยะน้ำนมเหลืองที่จะไหลออกมาใน 1-3 วันแรกหลังคลอด ทำหน้าที่ส่งเสริมภูมิคุ้มกัน และลดอาการท้องเสีย ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ซึ่งเป็ฯสาเหตุของการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
  •  MFGM ซึ่งเป็นเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในน้ำนมแม่ ซึ่งเยื่อหุ้มนี้ช่วยให้เซลล์ไขมันคงรูปอยู่ได้ในน้ำนม MFGM ประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ ที่พบในนมแม่ เช่น โปรตีนต่างๆ และไขมันเชิงซ้อน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารที่มีประโยชน์ส่งผลดีต่อร่างกายและสมองเด็ก
  •  DHA กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดสายโซ่ยาว เป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มสมองและจอประสาทตา ถือเป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ของเด็ก

อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นที่จะต้องให้นมแม่สลับกับนมผง ก็สามารถทำได้ โดยคุณแม่สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแนะนำนมผงสำหรับเด็กที่เหมาะกับลูกน้อยในแต่ละช่วงวัย

นมแม่ดีที่สุดโดยเฉพาะน้ำนมเหลืองที่มีแลคโตเฟอร์ริน

ไขข้อข้องใจเรื่องนมน้อย น้ำนมหด กับ Enfa Smart Club


ทำไมน้ำนมน้อย?

น้ำนมหด น้ำนมน้อย น้ำนมไม่พอ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

  • คุณแม่เริ่มให้น้ำนมลูกช้าเกินไป
  • คุณแม่ให้นมลูกไม่สม่ำเสมอ หรือไม่ค่อยให้นมลูก ให้ ๆ หยุด ๆ
  • กินยาหรืออาหารเสริมบางชนิดที่อาจมีผลต่อการให้นมลูก
  • มีประวัติการผ่าตัดเกี่ยวกับเต้านมมาหลายครั้ง
  • การคลอดก่อนกำหนด
  • คุณแม่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป หรือมีภาวะโรคอ้วน
  • ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
  • โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
  • ความเครียด ภาวะซึมเศร้า
  • การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์

น้ำนมน้อย ทำไงดี?

แม่ให้นมบุตรที่มีปัญหาน้ำนมหด น้ำนมน้อย สามารถดูแลตัวเองและกู้น้ำนมได้ ดังนี้

  • ให้ทารกได้กินนมแม่เร็วที่สุด หลังคลอดควรให้ทารกได้ดื่มนมทันที เพราะยิ่งรอนาน ยิ่งเสี่ยงที่จะเกิดภาวะน้ำนมน้อย
  • ให้นมลูกบ่อย ๆ ในหนึ่งวันแม่ควรให้นมบุตร 8-12 ครั้งต่อวัน ครั้งละ 2-3 ชั่วโมง
  • ดูให้แน่ใจว่าทารกกัดหรือดูดหัวนมถูกจุด เพราะถ้าทารกกัดไม่ถูกหัวนม อาจทำให้ทารกได้รับนมแม่ไม่เพียงพอ และอาจจะมีผลต่อหัวนมแม่ที่อาจจะเกิดการบาดเจ็บที่หัวนมจนน้ำนมไม่ไหลหรือไหลน้อย
  • เวลาให้นมควรให้ทั้งสองข้าง เพื่อให้เกิดการสมดุลของน้ำนมในรอยต่อ ๆ ไป เพราะการให้นมทารกแค่เพียงเต้าเดียวเป็นประจำ เสี่ยงที่จะทำให้น้ำนมไหลน้อย
  • หากลืมให้นมลูก ควรปั๊มนมเก็บไว้ทันทีที่นึกขึ้นได้ เพื่อให้เกิดการสมดุลของน้ำนมในรอบต่อ ๆ ไป และเพื่อไม่ให้มีน้ำนมไหลเกินออกมาเมื่อมีน้ำนมเต็มเต้า
  • ไม่กินยาสุ่มสี่สุ่มห้า แม่ให้นมบุตรควรกินยาตามที่แพทย์เห็นชอบเท่านั้น ไม่ควรซื้อยามากินเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์หรือเภสัชกร
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ สารนิโคตินในบุหรี่ และแอลกอฮอล์มีผลทำให้ปริมาณน้ำนมลดลงได้
  • ใส่ใจกับอาหารการกิน หากกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ทารกก็อาจจะได้รับผลข้างเคียงทางสุขภาพด้วย หรือหากกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ก็จะทำให้การฟื้นตัวหลังคลอดของคุณแม่ไม่ดีเท่าที่ควรด้วย ควรเลือกอาหารบำรุงน้ำนมที่จะช่วยทั้งฟื้นฟูร่างกายคุณแม่ และเพิ่มน้ำนมแม่แก่ลูกน้อย
  • มีวินัยในการปั๊มนม ปั๊มนมอย่างสม่ำเสมอตามตารางการปั๊มนม เพื่อกระตุ้นให้น้ำนมไหล
  • เลือกใช้เครื่องปั๊มนมแบบปั๊มคู่ การปั๊มนมโดยใช้เครื่องปั๊มแบบปั๊มคู่จะทำให้ได้ปริมาณน้ำนมมากกว่า ช่วยประหยัดเวลาในการปั๊มนม และช่วยกระตุ้นน้ำนมด้วย
  • ใช้ยาช่วย คุณแม่สามารถใช้ยาแลคโตกัส (Lactogogues) เป็นตัวช่วยในการเพิ่มปริมาณน้ำนมร่วมกับการกระตุ้นเต้านมได้ และให้หยุดใช้ยาเมื่อน้ำนมมีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยาเพิ่มน้ำนมควรสั่งจ่ายโดยแพทย์และเภสัชกร และอยู่ในความดูแลของแพทย์และเภสัชกรเท่านั้น ไม่ควรซื้อยามากินเองเด็ดขาด
  • ลดความถี่การปั๊มลงเมื่อน้ำนมมาแล้ว เมื่อปริมาณน้ำนมกลับมาเท่าเดิมแล้ว ให้คุณแม่ลดการปั๊มนมลงเหลือเพียง 7-8 ครั้งต่อวันก็เพียงพอแล้ว

นมแม่ผสมนมผงได้ไหม?

นมแม่ ควรเป็นนมแม่เพียว ๆ ไม่ผสมน้ำเปล่า หรือผสมกับสิ่งอื่น เพราะเสี่ยงที่จะทำให้ทารกท้องเสีย หรือเกิดการปนเปื้อน สำหรับทารกแล้ว นมแม่อย่างเดียวดีที่สุดโดยไม่ต้องผสมสิ่งอื่นเข้ามา

ประจำเดือนมา น้ำนมหดจริงหรือ?

การมีประจำเดือน ส่งผลต่อปริมาณน้ำนมแม่จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสิ้นสุดรอบเดือน ทั้งนี้เนื่องจากช่วงที่มีประจำเดือนจะทำให้ความเข้มข้นของโปรแลคตินในร่างกายลดลง ซึ่งโปรแลคตินเป็นฮอร์โมนที่ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนมแม่ เมื่อระดับฮอร์โมนโปรแลคตินลดลง กระบวนการผลิตน้ำนมแม่จึงลดลงตามไปด้วย

ฉีดวัคซีนแล้วน้ำนมหด จริงหรือเปล่า?

แม่ให้นมบุตรสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น วัคซีนป้องกันไข้หวัด วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ ซึ่งภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากวัคซีนก็จะสามารถส่งผ่านทางน้ำนมไปยังทารกได้ และอาจช่วยให้ทารกได้รับภูมิคุ้มกันโรคนั้น ๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม มีวัคซีนบางชนิดที่คุณแม่ให้นมบุตรไม่สามารถเข้ารับได้ เพราะอาจส่งผลข้างเคียงไปยังทารกผ่านน้ำนมแม่ เช่น วัคซีนไข้ทรพิษ วัคซีนป้องกันไข้เหลือง เป็นต้น

ดังนั้น ก่อนฉีดวัคซีนใด ควรปรึกษากับแพทย์ให้แน่ใจก่อนว่าปลอดภัยสำหรับแม่ให้นมบุตรจริง ๆ

เดือนกว่าแล้ว น้ำนมน้อยทำไงดี?

ปัญหาน้ำนมน้อยแม้จะน่ากังวล แต่ก็เป็นปัญหาชั่วคราว และสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ คุณแม่ควรลองปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและพฤติกรรมการกิน แล้วดูว่าน้ำนมเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากน้ำนมยังคงน้อยอยู่ ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัย

นานไหมกว่าน้ำนมจะมาเยอะ?

ปริมาณน้ำนมของแม่แต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนน้ำนมมาก บางคนน้ำนมน้อย ในส่วนของแม่ที่น้ำนมน้อยก็ยังแตกต่างกันไปอีก บางคนอาจจะกลับมามีน้ำนมปกติภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน ขณะที่บางคนอาจใช้เวลาหลายเดือน ควรปรึกษากับแพทย์ถึงวิธีกู้น้ำนม ในกรณีที่ได้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้วยังไม่เห็นผล



บทความแนะนำสำหรับคุณแม่และลูกน้อย

บทความที่แนะนำ

vaccines for children 2022
pacifier
postpartum-cramping
EFB banner
Mobile efb banner
EFB banner

Leaving page banner

 

Leaving page banner